ผู้เขียน: admin

          ฆ่าโหดสาวประเภทสอง คาห้องพักพัทยา สุดเหี้ยมกรีดผ่าร่าง ควักปอด-หัวใจ จะหนีออกนอกประเทศ แต่ถูกรวบได้คาสุวรรณภูมิ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ดาวแปดแฉก

          วันนี้ (26 เมษายน 2568) เดลินิวส์ รายงานว่า เกิดเหตุฆาตกรรมภายในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ย่านพัทยากลาง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เข้าตรวจสอบพร้อม ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 2 ชลบุรี แพทย์เวร และหน่วยกู้ภัย พบศพสาวประเภทสองไม่ทราบชื่อ ถูกฆ่าโหด ช่วงกลางอกมีรอยแผลถูกของมีคม กรีดยาวลงไปจนถึงหน้าท้อง จนอวัยวะภายในร่างกายไหลทะลักออกมา เลือดนอนอยู่ในพื้นห้องน้ำ คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง

          เจ้าหน้าที่ปิดกั้นที่เกิดเหตุพร้อมเข้าเก็บหลักฐานภายในห้องอย่างละเอียด พบว่าปอดข้างขวาของผู้ตายถูกควักหายไป หัวใจถูกควักออกมาอยู่ข้างลำตัว สภาพน่าสยดสยอง

          แม่บ้านของอพาร์ตเมนต์ ให้การว่า
เมื่อช่วงประมาณตี 2 ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันจากในห้อง
เป็นเสียงคนจีนกับเสียงสาวประเภทสอง
ต่อมาได้ยินเสียงสาวประเภทสองส่งเสียงร้องว่า ปล่อยกู อย่าทำกู
จากนั้นก็มีเสียงคนเดินลงส้นเท้าและถีบประตูห้องหลายครั้งติดต่อกัน นานร่วม
1 ชั่วโมง ก่อนที่เสียงจะเงียบหายไป

         
เมื่อตนตื่นมาตอนเช้าก็รีบนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปแจ้งเจ้านาย
เจ้านายจึงให้ตนไปเคาะประตูและตักเตือนผู้เช่าห้อง
แต่เมื่อเคาะแล้วไม่มีใครตอบรับ จึงนำกุญแจสำรองมาเปิดไข
และพบศพสาวประเภทสองนอนจมกองเลือดอยู่ในห้อง ส่วนคนจีนหายตัวไป
จึงรีบมาบอกเจ้านายและโทร. แจ้งตำรวจ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ดาวแปดแฉก

         
ด้านคนดูแลอพาร์ตเมนต์ เผยว่า ห้องดังกล่าวมีคนจีนชื่อ นายตงหยวน ฟู่ อายุ
42 ปี มาเปิดเช่าห้องเมื่อวานนี้ (25 เมษายน) ช่วง 09.00 น. โดยขอเช่า 1
สัปดาห์ ดูจากพาสปอร์ตพบว่าเคยเดินทางเข้าไทยมา 2-3 ครั้ง
ในนามนักท่องเที่ยว

          จากนั้นตนไม่ได้สนใจอะไร
กระทั่งคนนอนเฝ้าอพาร์ตเมนต์มาแจ้งว่ามีการทะเลาะวิวาทกันเสียงดัง
จึงให้คนเฝ้าไปเตือน ก่อนจะพบศพ โดยจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า
ชายชาวจีนได้ออกไปทางด้านหลังอพาร์ตเมนต์ช่วง 06.00 น. ที่ผ่านมา
พร้อมกระเป๋าเดินทาง

          เบื้องต้นทางตำรวจได้แกะรอยชาวจีนจากกล้องวงจรปิด คาดว่าจะยังหลบหนีไปได้ไม่ไกล

          ขณะที่ต่อมา เพจ ดาวแปดแฉก รายงานว่า ทาง ผบช.ภ.2 สั่งชุดสืบสวน รวบตัวชายจีน อายุ 42 ปี ผู้ต้องสงสัย ได้คาสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว

ภาพจาก เฟซบุ๊ก อีกี้ของแทร่ แอ๊บแอ้แอ๊บแอ้

ภาพจาก เฟซบุ๊ก อีกี้ของแทร่ แอ๊บแอ้แอ๊บแอ้

ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์, ดาวแปดแฉก

        ครูโพสต์ภาพปู่นั่งขายของหน้า รร. สภาพน่าสงสาร สู้ชีวิต คนแห่อุดหนุน-จะบริจาคช่วย ก่อนรู้ความจริงสุดทึ่ง เบื้องหลังคุณปู่ไม่ธรรมดา ไม่ขอรับเงินบริจาค

ภาพจาก Xiaohongshu

          วันที่ 24 เมษายน 2568 เว็บไซต์ SOHA รายงานกรณีภาพ ๆ หนึ่งซึ่งกลายเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ของจีน เมื่อมีชาวเน็ตที่ใช้ชื่อว่า ปลาน้อย โพสต์ภาพของคุณปู่คนหนึ่งที่น่าจะมีอายุประมาณ 70 กว่าปี เข็นรถมานั่งขายข้าวโพดและมันเผาอยู่ข้างทาง ลงบนสื่อโซเชียลมีเดียยอดนิยมอย่าง เสี่ยวหงชู ซึ่งสภาพของคุณปู่รายนี้ดูน่าสงสารและสู้ชีวิตอย่างมาก แต่ใครจะรู้ว่าคุณปู่กลับมีเบื้องหลังชวนอึ้ง

          โดยคนที่โพสต์ภาพดังกล่าว ได้เขียนแคปชั่นระบุว่า คุณปู่ของนักเรียนมาของขายที่นี่ทุกวันตั้งแต่บ่าย 2 จนถึงเย็น ถ้าใครสนใจก็เข้ามาช่วยอุดหนุนคุณปู่ได้

          เจ้าของโพสต์เล่าเพิ่มเติมว่า เธอเป็นคุณครูที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง และบังเอิญทราบว่ามีนักเรียนคนหนึ่งในชั้น ที่คุณปู่มักจะออกมานั่งขายของอยู่ใกล้ ๆ ประตูโรงเรียน เด็กชายเล่าว่าพ่อแม่เคยบอกคุณปู่ให้หยุดขายของแล้ว แต่เขาก็ยังพยายามทำงานหนัก และจะยอมกลับบ้านเมื่อขายหมดแล้วเท่านั้น ตอนนี้คุณปู่อายุเกิน 70 ปี และยังไม่ค่อยมีแรง แต่ก็ไม่ยอมหยุดขายของ

          ดังนั้นหลังเลิกงาน ครูรายนี้จึงไปที่ร้านของคุณปู่และช่วยอุดหนุนสินค้า พร้อมถ่ายรูปมาโพสต์เพื่อชวนให้ชาวเน็ตมาช่วยสนับสนุนคุณปู่เช่นกัน โดยบอกว่า เธอเองก็ไม่รู้ถึงสถานการณ์ทางบ้านของเด็กชายมากนัก เพราะเพิ่งมาเริ่มสอนได้ไม่นาน แต่เมื่อได้เห็นภาพ ๆ นี้ ก็ทำให้ตัวเองอดนึกถึงปู่ของตนที่อยู่ในชนบทไม่ได้ เลยทำให้ยิ่งสงสารปู่รายนี้

          ในไม่ช้าโพสต์ดังกล่าวก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย ทุก ๆ คนต่างชื่นชมและให้กำลังใจคุณปู่ ที่แม้อายุจะมากแต่ก็ยังขยันหาเงินด้วยความสุจริต นับเป็นแบบอย่างดี ๆ ให้เรียนรู้ โดยมีคนมากมายให้สัญญาว่าจะไปช่วยกันอุดหนุนคุณปู่ รวมถึงต่างขอเลขบัญชีเพื่อจะโอนเงินไปช่วยเหลือด้วย

          อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคนนำเงินไปให้คุณปู่ถึงที่
คุณปู่กลับไม่ยอมรับเลยสักนิด ใครจะคิดว่าแค่ 5 วันต่อมา
โพสต์ของคุณครูจะถูกลบไป ตามคำขอของคุณปู่ที่บอกว่า
มีคนมาหามาและต้องการจะให้เงินคุณปู่มากเกินไป
ซึ่งเขาเองไม่ต้องการรบกวนใคร

         
พร้อมกันนั้นยังเผยความจริงที่ไม่คาดคิด
กลายเป็นว่าแท้จริงแล้วคุณปู่คนนี้ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด แต่มีฐานะดีมาก
ที่มาขายของก็แค่ความชอบเท่านั้น

          “เช้านี้ฉันได้รับโทรศัพท์จากคุณปู่
บอกให้ลบโพสต์ เพราะทุกคนเข้าใจผิดแล้ว และเขาก็ไม่ได้จน
ดังนั้นจึงไม่อาจรับเงินจากคนอื่น ๆ ได้” เจ้าของโพสต์ระบุ

          ต่อมา คุณปู่ยังขอให้ทางครอบครัวออกมาชี้แจงความจริง
รวมถึงโพสต์โชว์เงินในบัญชีราว 600,000 หยวน (ราว 2.7 ล้านบาท)
เพื่อยืนยันว่าคุณปู่ไม่ได้ลำบากจริง ๆ โดยแท้จริงแล้วคุณปู่รายนี้อายุ 67
ปี อาศัยอยู่ในเมืองเสิ่นเจิ้น ประเทศจีน
ก่อนที่จะเกษียณเคยทำงานเป็นผู้บริหารบริษัทใหญ่
และเมื่อเกษียณก็มีเงินบำนาญเดือนละ 18,000 หยวน (ราว 82,000 บาท)

         
ที่น่าประหลาดใจคือ แม้จะมีทรัพย์สินมากมาย
แต่คุณปู่ก็เลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย
ไม่ได้ฟุ่มเฟือยหรือกินอยู่หรูหรา โดยหลานบอกว่านอกจากมีเงินในบัญชีแล้ว
คุณตาก็ยังมีรายได้จากการเก็บค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ ชีวิตไม่ขาดอะไร
แต่ที่มานั่งขายของนั้น
เพราะตอนเป็นเด็กคุณปู่เคยฝันว่าอยากเป็นคนขายของริมทาง
แต่เพราะภาระงานและครอบครัว ทำให้ไม่สามารถทำตามความฝันได้
เมื่อเกษียณแล้วคุณปู่ก็เหมือนได้อิสระกลับคืน
เมื่อตื่นมาตอนเช้าแล้วไม่รู้จะทำอะไร
ก็เลยตัดสินใจมาทำสิ่งที่ยังไม่เคยได้ทำในชีวิต

          “จะขายของได้หรือไม่นั้น ไม่ใช่สิ่งสำคัญ ตราบเท่าที่ผมสามารถทำสิ่งที่รักได้ ก็รู้สึกโล่งใจแล้ว” คุณปู่เผย

          ทั้งนี้ เมื่้อชาวเน็ตได้รู้ความจริงสุดคาดนี้ ก็ทำให้หลายคนยกให้คุณปู่เป็น “ตำนานการเกษียณ” และ “ผู้เฒ่าที่มีอิสระอย่างแท้จริง” พร้อมกันนั้นยังชื่นชมคุณปู่ที่ไม่ฉวยโอกาสรับเงินที่เกิดขึ้นจากความเข้าใจผิด และรีบออกมาชี้แจงโดยเร็วด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก SOHA

          ขายทองจากศพ ลุงสัปเหร่อนำทองมาหลอม ไม่รู้ของจริงไหม เผยสะสมมาหลายปี ญาติ ๆ ยินดียกให้ แค่ชิ้นแรกก็รู้ว่ามีหวัง ถึงกับยิ้มออกหลังรู้ราคา

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ร้านทำทองนะโมบ้านช่างทอง เพชร ทอง & จิวเวอรี่

          เป็นเรื่องราวที่ได้รับความสนใจบนโลกออนไลน์ เมื่อเฟซบุ๊ก ร้านทำทองนะโมบ้านช่างทอง เพชร ทอง & จิวเวอรี่ ได้เผยคลิปของลุงสัปเหร่อคนหนึ่ง ที่นำทองจากศพมาขายที่ร้าน โดยมีการเปิดเผยว่าคุณลุงทำงานเป็นสัปเหร่อในสุสานคนจีน เศษทองที่เห็นทั้งหมดนี้ได้มาจากศพ ส่วนใหญ่เป็นครอบฟันทองที่เหลือจากการเผา ญาติของผู้ตายมอบให้หลังเผาเสร็จ จึงมีการเก็บสะสมมาเรื่อย ๆ ตลอดการทำงานหลายปี

          โดยทองจำนวนนี้ เป็นของสัปเหร่อ 4 คนที่รวมกันมา เมื่อทางร้านนำทองไปตรวจสอบ ก็พบว่าชิ้นแรกมีทองคำเป็นส่วนประกอบถึง 87% ขณะที่ชิ้นอื่น ๆ พบว่าเป็นทองคำทั้งหมดเช่นกัน แม้จะมีบางชิ้นที่เปอร์เซนต์ทองต่ำ 66%

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ร้านทำทองนะโมบ้านช่างทอง เพชร ทอง & จิวเวอรี่

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ร้านทำทองนะโมบ้านช่างทอง เพชร ทอง & จิวเวอรี่

          คุณลุงยอมรับว่า
ตอนแรกที่สะสมไว้ก็ไม่รู้ว่าเป็นทองคำจริงหรือไม่ แต่ก็อยากลองนำมาตรวจสอบ
ขณะที่คนซึ่งมาด้วยกัน เผยว่าได้สัก 10,000 -20,000 บาทก็ยังดี

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ร้านทำทองนะโมบ้านช่างทอง เพชร ทอง & จิวเวอรี่

         
ทั้งนี้ สุดท้ายเมื่อหลอมทองคำทั้งหมดออกมาเป็นแท่ง พบว่าได้น้ำหนัก 21.13
กรัม โดยคิดราคาเป็นเงินได้จำนวน 59,371 บาท
ซึ่งหลังจากรู้ราคาคุณลุงก็มีรอยยิ้ม
และยังหันไปชวนคนที่มาด้วยให้ไปทำบุญด้วยกัน  

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ร้านทำทองนะโมบ้านช่างทอง เพชร ทอง & จิวเวอรี่

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ร้านทำทองนะโมบ้านช่างทอง เพชร ทอง & จิวเวอรี่

          ส่องภาพมุมสูง รถโดนรถบรรทุกชนท้าย อัดคันหน้า จนเสียชีวิต 8 คน ชัดคู่กรณีผิดเต็ม ๆ ด้านตำรวจแนะวิธีจอดให้ปลอดภัย

          อ่านข่าว : เก๋งถูกชนดับ 8 คน คนขับเพิ่งออกรถได้เพียง 6 วัน ส่องแคปชั่นถึงรถใหม่ สลดใจ

          นอกจากนั้น ยังพบชิ้นส่วน ยังไม่ทราบเพศ ต้องรอตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลอีกครั้ง โดยร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดเจ้าหน้าที่จะส่งไปยังนิติเวชสถาบันรามาจักรีนฤบดินทร์ สมุทรปราการ ส่งผู้บาดเจ็บ 2 คน เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 สรุปมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่โดยสารมากับรถยนต์รวม 10 คน

          ถัดไปด้านหลังรถ พบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เป็นรถบรรทุกยางมะตอย สภาพช่วงหน้าพังยับเยินจากการพุ่งชนท้ายรถยนต์ ภายในหัวรถพบนายเสน่ห์ อายุ 60 ปี คนขับถูกอัดติดอยู่กับพวงมาลัยได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำตัวออกมา เร่งนำส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 เช่นกัน ส่วนด้านหน้ารถยนต์ มีรถบรรทุกสิบล้อ เป็นรถบรรทุกน้ำมันพืช สภาพได้รับความเสียหายท้ายรถจากการถูกพุ่งชน

          สอบถาม นายกวางแก้ว อายุ 51 ปี คนขับรถบรรทุกน้ำมันพืช กล่าวว่า ตนจอดพักรถอยู่ประมาณ 5-10 นาที จู่ ๆ ได้ยินเสียงดังสนั่นที่ท้ายรถ จึงรีบลงมาดูพบมีรถบรรทุกพ่วง ชนท้ายรถยนต์แล้วดันมาอัดติดก๊อบปี้อยู่ท้ายรถของตน และมีคนเจ็บเป็นเด็กหญิง 2 คน เล่าให้ฟังว่า ขณะกำลังลงมาจากรถ เพื่อจะหยิบแพมเพิร์สเปลี่ยนให้เด็ก จู่ ๆ มีรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ พุ่งเข้ามาชนท้ายรถไปอัดท้ายรถบรรทุกน้ำมันพืช เป็นเหตุให้คนที่อยู่ในรถเสียชีวิตทั้งหมด

คาดคนขับรถบรรทุกหลับใน เหตุพุ่งข้ามเลนมาชนแทบไม่มีรอยเบรก

          ด้าน พ.ต.อ. กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.ทล 1 กล่าวว่า เบื้องต้นในรถมีผู้เสียชีวิตทั้งชาย-หญิง-เด็กเล็ก รวมจำนวน 8 คน และมีผู้บาดเจ็บ 2 คน ที่โดยสารมากับรถ ส่วนขับรถพ่วงที่พุ่งชนท้ายรถ ยังอยู่ในอาการตกใจ ไม่สามารถให้การได้ เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุ และต้องรอสอบปากคำคนบาดเจ็บทั้ง 3 คนก่อน

          ส่วนรถทราบว่าทั้งหมดเป็นญาติกัน เดินทางมาจาก จ.อุดรธานี แล้วแวะรับญาติที่สุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางไปหาพ่อของน้องผู้หญิงที่โดยสาร ในรถซึ่งทำงานอยู่ที่ จ.ระยอง โดยปู่นั้นเป็นคนขับรถพาไป ซึ่งรถที่เกิดอุบัติเหตุทั้ง 3 คันมีประกันภัยทั้งหมด ส่วนรถบรรทุกคันสุดท้าย ทราบว่า มีประกัน ชั้น 3 พ.ร.บ.ผู้ประสบภัย คุ้มครองสำหรับผู้เสียชีวิตฉบับละ 500,000 บาท รวม 2 ฉบับเป็นเงิน 1 ล้านบาทต่อคน

          เบื้องต้นสันนิษฐานว่า คนขับอาจจะหลับใน เนื่องจากดูลักษณะของรถ และระยะเบรกแทบไม่มีเลย โดยตำรวจมีการแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุที่ผู้อื่นถึงแก่ความตายและรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง

          จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุอีกครั้ง ด้วยการใช้โดรนขึ้นบินเหนือจุดเกิดเหตุเพื่อจะดูสภาพช่องทางการจอดรถฉุกเฉิน ซึ่งก็มีความกว้างจากไหล่ทางซ้ายสุดประมาณ 10 เมตร ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทางหลวงนำแบริเออร์มาปิดช่องทางจอดรถฉุกเฉินตรงนี้เอาไว้ชั่วคราวเพื่อรอการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ที่น่าสลดใจคือในจุดเกิดเหตุยังมีเศษชิ้นส่วนของผู้เสียชีวิตตกอยู่ที่พื้นถนน รวมทั้งมีผ้าขนหนู ขวดนมของเด็กและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ

          ขณะที่ พ.ต.ท. โสภณ โกมลสุทธิ รอง ผกก.(สอบสวน) ส.ทล.1 กก.8 บก.ทล. เปิดเผยว่า รถ SUV คันนี้ โดยสารกันมาทั้งหมด 10 คน มาจาก จ.อุดรธานี ไปรับ น.ส.จารุวัณ ซึ่งเดินทางมาจากประเทศเกาหลีใต้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ แล้วก็กำลังมุ่งหน้าไปหาพ่อแม่ของน้องปันปันซึ่งเป็นเด็กผู้รอดชีวิต ที่ จ.ระยอง เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุรถพ่วงบรรทุกน้ำมันจอดอยู่ด้านหน้าในช่องทางฉุกเฉินหรือจุดพักรถชั่วคราว แล้วหลังจากนั้นคือ SUV คันไปจอดต่อท้าย เพื่อให้คนในรถก็คือ น้องหมวย กับ น้องปันปันลงจากรถไปเปลี่ยนแพมเพิร์สให้กับเด็กบนรถแล้วก็หยิบของ

          ต่อมา หลังจากจอดอยู่ตรงนั้นไม่ถึง 15 นาที มีรถบรรทุกอีกคันวิ่งเข้ามาในช่องทางฉุกเฉินแล้วเบี่ยงซ้าย พุ่งชนท้ายรถ SUV อย่างรุนแรงจนทำให้มีคนเสียชีวิต 8 คน โดยในนั้นมีเด็ก 4 ขวบ และ 1 ขวบด้วย  

แนะรถเล็กไปจอดหน้ารถใหญ่ เลี่ยงถูกรถอื่นวิ่งมาชนท้ายอัดคันหน้า

          พ.ต.อ. กึกก้อง กล่าวเสริมด้วยว่า จุดที่เกิดเหตุมีช่องทางจอดรถฉุกเฉินเพิ่มอีก 1 ช่องทางซ้ายมือ ซึ่งสามารถจอดได้ แล้วก็จากภาพในสถานที่เกิดเหตุ แสงสว่างมันก็ค่อนข้างชัด ก็เลยทำให้สันนิษฐานได้ว่า คนขับรถบรรทุกน่าจะหลับใน โดยอยากฝากเตือนว่า รถเล็กเวลาไปจอดในทางฉุกเฉินหรือช่องทางจอดอื่น ๆ การไปจอดติดกับรถบรรทุก แล้วเวลามีรถมาชนด้านหลังมันทำให้เหมือนไปชนกับกำแพง โดนอัดก๊อบปี้ ดังนั้นลักษณะการจอดรถเล็กควรจะไปจอดทางด้านหน้ามากกว่า เผื่อมีเหตุรถมาชนซ้ำแรงปะทะจะได้ลดน้อยลง ไม่เกิดลักษณะอย่างอุบัติเหตุครั้งนี้

ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์

ขอบคุณข้อมูลจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์