ผู้เขียน: admin

           ลิงหน้าเหลี่ยม กลายเป็นไวรัล มีอยู่จริงที่สวนสัตว์จีน คนเอ็นดูความน่ารักน่าชัง ขยันแชะภาพสีหน้า มีความมีม

ภาพจาก Weibo

           วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์ ETtoday รายงานว่า ภาพของลิงหน้าเหลี่ยม กำลังกลายเป็นไวรัลสุดน่ารักที่โดนใจชาวเน็ตจีนจำนวนมาก ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูแล้วทั้งน่าเกลียดและน่ารักในเวลาเดียวกันของพวกมัน ทำให้ผู้คนไม่น้อยอยากจะแวะมาเยี่ยมชม และได้มองดูการแสดงสีหน้าตลก ๆ ของพวกมันสักครั้ง

           ในขณะที่คนอาจจะสงสัย ว่าลิงหน้าเหลี่ยมเหล่านี้มีอยู่จริงหรือไม่ ปรากฏว่าลิงหน้าเหลี่ยมเหล่านี้มีอยู่จริง ๆ ที่สวนสัตว์ Hefei Wildlife Park ในมณฑลอานหุย ประเทศจีน โดยลิงหน้าเหลี่ยมเหล่านี้คือ “ลิงคาปูซินกระหม่อมดำ” ที่มีใบหน้าดูเป็นสี่เหลี่ยม พร้อมด้วยขนสีดำที่ทำให้ดูคล้ายสวมหมวกมาตั้งแต่เกิด และนักท่องเที่ยวที่มายังสวนสัตว์ ก็มักจะถ่ายรูปสีหน้าตลก ๆ เหมือนมีมของพวกมันเก็บไว้

ภาพจาก Weibo

           ด้านคนดูแลสัตว์ เปิดเผยว่า แม้ลิงคาปูซินกระหม่อมดำจะดูน่าเกลียด แต่พวกมันฉลาดกว่าลิงอื่น ๆ แถมยังมีหางที่ยาวและแข็งแรง ช่วยให้พวกมันสามารถเกี่ยวข้าวของต่าง ๆ มาใช้งานได้

           ปัจจุบันสวนสัตว์แห่งนี้มีลิงคาปูซินกระหม่อมดำอยู่ด้วยกัน
4 ตัว ประกอบด้วยตัวผู้ 2 ตัว คือ ต้าจวง กับตี้ตี้ ตัวเมียอีก 1 ตัวชื่อ
เสี่ยวเหม่ย และยังมีเจ้าตัวเล็กอีก 1 ตัวที่ยังไม่มีชื่อ
โดยตัวที่ดังที่สุดก็คือต้าจวง
ที่เป็นเหมือนดาวเด่นในหมู่ลิงที่นักท่องเที่ยวมองหา

ภาพจาก Weibo

           คนดูแลเผยว่า
ต้าจวงกินมากกว่าและมีรูปร่างใหญ่กว่าตัวอื่น สำหรับลิงพันธุ์นี้
ยิ่งมีใบหน้าเหลี่ยมและรูปร่างใหญ่ ก็ยิ่งถือว่าสวยงาม
และมีสถานะสูงกว่าในครอบครัวพวกมัน ขณะที่ต้าจวงเองมีนิสัยค่อนข้างอ่อนโยน
แต่ก็ขี้กลัวเล็กน้อย หากมีคนแปลกหน้าเข้าใกล้ก็จะรีบปีนหนีขึ้นที่สูง
 
           ทั้งนี้
ภาพและคลิปของต้าจวงและเพื่อน ๆ
กลายมาเป็นไวรัลในหมู่ชาวเน็ตอย่างไม่คาดคิด
โดยมีผู้คนแสดงความคิดเห็นไว้มากมาย
โดยส่วนมากต่างบอกว่าเป็นลิงที่ดูน่าเกลียดมาก แต่ยิ่งดูแล้วก็ยิ่งน่ารัก
บางคนยังมองว่าลิงเหล่านี้ดูคล้ายคน

ภาพจาก Weibo

ภาพจาก Weibo

ขอบคุณข้อมูลจาก ETtoday

           เด็กหญิง 3 ขวบ ป่วยเนื้องอกในสมอง อาการทรุด พ่อแม่ไม่ให้รักษาต่อ แต่พาไปทำพิธีอดอาหารจนตาย ตามคำแนะนำนักบวช ยันคือการชำระล้างทางวิญญาณ แม้สังคมวิจารณ์สนั่น

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

           วันที่ 4 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์อินเดียทูเดย์ รายงานว่า เด็กหญิงวัย 3 ขวบจากรัฐมัธยประเทศ ของอินเดีย ซึ่งป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง เสียชีวิตหลังจากพ่อแม่ตัดสินใจไม่ให้ลูกสาวรับการรักษาต่อที่โรงพยาบาล แต่นำไปเข้าพิธีอดอาหารจนเสียชีวิตตามคำแนะนำของผู้นำทางจิตวิญญาณในท้องถิ่น ซึ่งเหตุการณ์นี้กลายมาเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากในสังคมอินเดีย

           รายงานเผยว่า เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ซึ่งเป็นทายาทเพียงคนเดียวของคู่รัก สิ้นลมในวันที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา เพียงไม่นานหลังจากที่ถูกพ่อแม่พาไปทำพิธีสัลเลขนา (Santhara) หรือการสาบานตน ที่จะอดอาหารจนเสียชีวิตด้วยความสมัครใจ ตามความเชื่อของศาสนาเชน ซึ่งตามแนวปฏิบัตินี้ผู้ที่สาบานตนจะค่อย ๆ ลดการกินน้ำและอาหารจนเสียชีวิตไป เพื่อให้บรรลุการชำระล้างทางจิตวิญญาณและปลดปล่อยตัวตน

           ด้านพ่อของเด็ก ซึ่งทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอที เผยกับสื่อว่า ลูกสาวของเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเนื้องอกในสมองเมื่อเดือนธันวาคม 2567 และเข้ารับการผ่าตัดในเดือนมกราคม 2568 นับจากนั้นเธอก็แข็งแรงขึ้น ก่อนที่อาการจะทรุดลงอย่างรวดเร็วในเดือนมีนาคม จนแม้แต่กระทั่งการกินน้ำหรืออาหารยังเป็นเรื่องที่ลำบาก

           ในเมื่อการแพทย์สมัยใหม่ไม่สามารถช่วยให้ลูกสาวหลุดพ้นความทุกข์ทรมานได้ ครอบครัวจึงหันไปพึ่งพาการชี้นำทางจิตวิญญาณ โดยพ่อเด็กพาลูกสาวที่ป่วยหนักไปพบกับนักบวชของศาสนาเชนรายหนึ่ง ในวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งเมื่อเห็นสภาพของเด็กหญิง นักบวชก็บอกกับครอบครัวว่าจุดจบของเด็กคนนี้ใกล้เข้ามาแล้ว และควรที่จะทำพิธีสัลเลขนา

           เมื่อทางครอบครัวพิจารณาดู ในที่สุดพวกเขาก็ตกลงที่จะให้ลูกสาวทำพิธีดังกล่าว ซึ่งภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงหลังจากเริ่มพิธี เด็กหญิงก็เสียชีวิต
 
           ผู้เป็นพ่อเผยว่า ลูกสาวของเขาได้รับการบันทึกชื่อลง Golden Book of World Records ในฐานะบุคคลอายุน้อยที่สุดในโลกที่ทำพิธีสัลเลขนา ของศาสนาเชน

           ขณะที่แม่เด็ก เผยว่า
เธอไม่อาจบรรยายได้ว่ามันเป็นเรื่องยากแค่ไหน
ที่ต้องตัดสินใจให้ลูกสาวทำสัลเลขนา ลูกสาวของเธอทรมานมาจากเนื้องอกในสมอง
และมันก็เจ็บปวดเหลือเกินที่เธอต้องทนเห็นลูกในสภาพนั้น
เธอก็แค่อยากให้ลูกสาวมีแต่ความสุขในชาติหน้า

           อย่างไรก็ตาม
สัลเลขนา ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงในสังคมอินเดีย โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี
2558 ศาลสูงในรัฐราชสถานได้มีคำตัดสินให้สัลเลขนาเป็นพิธีกรรมที่ผิดกฎหมาย
เนื่องจากเป็นการสนับสนุนการฆ่าตัวตายภายใต้กฎหมายของประเทศ
อีกทั้งไม่นับเป็นพิธีการทางศาสนาที่จำเป็น อย่างไรก็ตาม ต่อมาในปีเดียวกัน
ศาลฎีกาได้รับงับคำตัดสินดังกล่าว
และยอมรับว่าสัลเลขนาเป็นประเพณีทางศาสนา หลังได้รับคำร้องจากชุมชนศาสนาเชน


           แม้พ่อแม่ของเด็กหญิงจะอธิบายว่าการให้ลูกสาวเข้าพิธีอดอาหารจนตาย
นับเป็นการปลดปล่อยลูกสาวทางจิตวิญญาณ
แต่การตัดสินใจนี้ยังจุดชนวนให้การเกิดถกเถียงอย่างมาก
จากทั้งกลุ่มสิทธิเด็กและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์  

ขอบคุณข้อมูลจาก India Today, mint

         กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ 9 – 21 พฤษภาคม 2568 รับมืออากาศแปรปรวนสูง เผยเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายฤดู ฝนตกหนักหลายพื้นที่ ส่วนมากตกหนักช่วงบ่ายถึงค่ำ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมอุตุนิยมวิทยา

          วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 กรมอุตุนิยมวิทยา โพสต์อัปเดตผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน ทุก ๆ 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่ 07.00 น. ถึง 07.00 น. วันรุ่งขึ้น และทิศทางลมใกล้ผิวพื้นในระดับ 925 hPa (ประมาณ 750 เมตรจากระดับน้ำทะเล) ล่วงหน้า 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 7-21 พฤษภาคม 2568 จากศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางยุโรป (ECMWF) วิเคราะห์ตามผลจากแบบจำลองฯ เฉดสีแดงหมายถึงฝนหนัก สีเขียวหมายถึงฝนเล็กน้อย

          ช่วง 7- 8 พฤษภาคม 2568 ประเทศไทยตอนบนยังมีฝน/ฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือตอนบน ส่วนภาคอีสานตอนบน ภาคกลาง ภาคตะวันออก กทม. และปริมณฑล ฝนอยู่ในเกณฑ์เล็กน้อยถึงปานกลางบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้ยังมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักได้บางแห่ง ช่วงบ่ายถึงค่ำ

          โดยทิศทางลมเริ่มมีลมตะวันตก ลมตะวันตกเฉียงใต้ พัดจากอันดามันปกคลุมประเทศไทยมากขึ้น  เป็นสัญญาณก่อนเข้าสู่ฤดูฝน (Pre-Southwest monsoon) ปริมาณฝนอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยเล็กน้อยถึงปานกลาง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมอุตุนิยมวิทยา

          ช่วง 9 – 21 พฤษภาคม 2568 จะเป็นช่วงที่เริ่มมีฝนเพิ่มขึ้น ต้องติดตามและเฝ้าระวังเตรียมรับมือกันตลอดช่วง อากาศมีความแปรปรวนสูง จะเป็นช่วงเตรียมเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ฤดูฝน ลมใกล้ผิวพื้นเริ่มเปลี่ยนเป็นลมตะวันตกเฉียงใต้เริ่มมีกำลังแรงขึ้น (ถ้าพัดต่อเนื่องติดต่อกันเป็นสัปดาห์ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นมรสุม) แต่ยังมีบางวันที่ยังมีลมใต้พัดแทรกในช่วงแรก ๆ ประกอบกับช่วง 9-10 พฤษภาคม 2568 คาดว่าจะมีมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางแผ่ลงมาปกคลุมทางตอนบนของเวียดนาม  

ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมอุตุนิยมวิทยา

          ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน
ทำให้ทั่วไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักได้หลายพื้นที่
ต้องเฝ้าระวังและติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
ฝนที่เกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนถ่ายฤดู อาจมีหลายเวลา
ส่วนใหญ่ยังเป็นฝนฟ้าคะนอง มีลมกระโชกแรง ปริมาณเฉลี่ยเล็กน้อยถึงปานกลาง
และเมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ฝนจะเกิดขึ้นในช่วงบ่ายถึงค่ำ
โดยปกติประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนประมาณกลางเดือนพฤษภาคม

ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมอุตุนิยมวิทยา

         
สำหรับฤดูฝนปีนี้รอประกาศอย่างเป็นทางการจากกรมอุตุนิยมวิทยาอีกครั้ง
เมื่อพิจารณาเกณฑ์หรือเงื่อนไขต่าง ๆ ครบถ้วน ช่วงที่มีฝนควรสำรองน้ำไว้ใช้
เพื่ออุปโภค บริโภค ในบางพื้นที่น้ำฝนยังไม่เพียงพอต่อการเกษตรกรรม

ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก กรมอุตุนิยมวิทยา

         ฮือฮาเจ้าสาวสวยจนกลายเป็นไวรัล ดังข้ามคืน ออร่าจับตาราวเทพธิดา จนคนถึงกับสงสัย สวยแท้หรือสวย AI จนคนในงานต้องตอบ ยันตระกูลนี้สวยกันทั้งบ้าน

ภาพจาก Weibo

          ฮือฮาเจ้าสาวสวยจนกลายเป็นไวรัล ดังข้ามคืน ออร่าจับตาราวเทพธิดา จนคนถึงกับสงสัย สวยแท้หรือสวย AI จนคนในงานต้องตอบ ยันตระกูลนี้สวยกันทั้งบ้าน

          วันที่ 30 เมษายน 2568 เว็บไซต์ singtao รายงานว่า ภาพคู่บ่าวสาวจากพิธีแต่งงานในเมืองหลินเซีย มณฑลกานซู กลายมาเป็นไวรัลที่ได้รับความสนใจอย่างมากบนโลกออนไลน์ของจีน เหตุเพราะความสวยของเจ้าสาวที่สะดุดสายตาคนทั้งโซเชียล ออร่าจับตาราวกับนางฟ้า เป็นความสวยในระดับที่ชาวเน็ตบางคนถึงกับชื่นชมว่างดงามยิ่งกว่าดวงดาว และหลายคนก็อดอิจฉาเจ้าบ่าวไม่ได้

ภาพจาก Weibo

          ด้วยดวงตากลมโต ผิวขาวเรียบเนียนไร้จุดหมอง ตลอดจนจมูกโด่งเป็นสัน ทำให้ใบหน้าของเจ้าสาวดูโดดเด่นและงดงามทะลุผ้าคลุมศีรษะ ทำให้มีคอมเมนต์มากมายที่พากันชื่นชมเธอ เช่น “เธอสวยจนฉันตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น” และ “เพื่อนร่วมชั้นของฉันหลายคนที่เป็นชาวหุย ล้วนหน้าตาดีเช่นกัน”

          แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีกระแสโซเชียลที่ออกมาตั้งคำถาม เพราะมองว่าเจ้าสาวนั้นสวยเกินไป จนทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่ามีการใช้ AI ปรับแต่งรูป เปลี่ยนใบหน้าจนสวยปิ๊งหรือไม่ รวมถึงบางคนยังสงสัยด้วยว่าเจ้าสาวสวยธรรมชาติหรือผ่านการทำศัลยกรรมมาแล้วกันแน่

          “เธอดูนิ่งเหมือนหุ่น ไม่กล้าหัวเราะหรือแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไป เธอเลยดูเหมือนเอไอ” คอมเมนต์หนึ่งระบุ

ภาพจาก Weibo

ภาพจาก Weibo

          เมื่อเจอข้อสงสัยเหล่านี้
ในที่สุดช่างแต่งหน้าที่เป็นผู้บันทึกคลิปดังกล่าวไว้
ก็ออกมายืนยันด้วยตัวเอง ย้ำว่าเจ้าสาวที่ทุกคนเห็นนี้เป็นคนสวยของจริง
ซึ่งไม่ได้มีเพียงเธอคนนี้เท่านั้น
แต่เรียกได้ว่าครอบครัวฝั่งเจ้าสาวนั้นเต็มไปด้วยคนสวย
ผู้หญิงตระกูลนี้ล้วนมีรูปลักษณ์โดดเด่นไม่ธรรมดาทั้งนั้น

          นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า
แม้เจ้าสาวแต่งหน้าแล้วจะออกสวยเป๊ะขนาดนี้
แต่ในชีวิตประจำวันปกติเธอมักจะไม่ได้แต่งหน้าอะไร ใช้ชีวิตด้วยหน้าสด
และให้ความใส่ใจกับความงามภายในมากกว่า

ภาพจาก Weibo

ภาพจาก Weibo

ภาพจาก Weibo

ขอบคุณข้อมูลจาก singtao

           เปิด 3 เหตุผล ความลับเบื้องหลัง ทำไมพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินต้องมายืนทักทายผู้โดยสาร ความจริงไม่ใช่แค่เรื่องมารยาท

           เมื่อผู้โดยสารเดินทางขึ้นเครื่องบิน เป็นเรื่องปกติที่มักจะเห็นเหล่าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินมายืนทักทายที่บริเวณทางขึ้นอยู่เสมอ หลายคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องของมารยาทในการทำงานหรือเพราะความสุภาพต่อผู้โดยสาร นั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง แท้จริงแล้วมีเหตุผลเบื้องหลังที่ซ่อนอยู่ ซึ่งบางคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน

           วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์ Hk01 เผยว่า ราเนีย (Rania) อดีตพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบิน Wizz Air ของประเทศฮังการี ได้เผยคลิปบน TikTok แชร์ประสบการณ์เบื้องลึกเกี่ยวกับการทำงานในสายอาชีพนี้ โดยเธอได้เผยถึงเหตุผลลับ 3 ประการ ที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจำเป็นต้องออกไปยืนทักทายผู้โดยสารทุกคน เพื่อความปลอดภัยของเครื่องบินทั้งลำ

ข้อที่ 1

           ในขณะที่กล่าวทักทายต้อนรับผู้โดยสาร
ทางลูกเรือจะคอยสังเกตว่าผู้โดยสารมีอาการผิดปกติหรือไม่
ไม่ว่าจะเป็นอาการเมา หรือการเจ็บป่วยต่าง ๆ
หากพบว่าผู้โดยสารมีอาการดังกล่าว และประเมินถึงความรุนแรงของอาการแล้ว
อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้โดยสารคนนั้น ๆ ไม่สามารถเดินทางขึ้นเครื่องได้  

ข้อที่ 2

           ในขณะเดียวกัน

ทางพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะคอยตรวจสอบทางกายภาพของผู้โดยสารในเบื้องต้น
เพื่อที่จะได้สามารถระบุได้ว่าผู้โดยสารคนใดมีสภาพร่างกายแข็งแรง
เผื่อในกรณีที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินบนเครื่องบิน
พวกเขาจะได้ให้ความช่วยเหลือทางลูกเรือ
หรือช่วยอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินได้
ดังนั้นการมองหาผู้โดยสารที่มีศักยภาพไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมรับมือจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ข้อที่ 3

           นอกจากนี้ ในขณะที่ทักทายผู้โดยสาร
ทางพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินต้องคอยเช็กจำนวนผู้โดยสารว่ามีผู้โดยสารที่เป็นผู้สูงอายุ
เด็ก ผู้หญิง ผู้มีความอ่อนแอทางร่างกาย รวมถึงผู้ที่มีภาวะทางจิตใจ
จำนวนกี่คนบนเครื่องบิน และนั่งตรงตำแหน่งไหน
เพื่อให้แน่ใจว่าผู้โดยสารเหล่านั้นไม่ได้นั่งใกล้บริเวณทางออก
เพื่อหลีกเลี่ยงความลำบากเมื่อต้องอพยพ
ในกรณีที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นบนเครื่องบิน
 
ขอบคุณข้อมูลจาก Hk01

          วันพืชมงคล สรุป คน 2 กลุ่มที่จะได้หยุดในวันนี้ และมีอีก 2 กลุ่มที่ต้องทำงานตามปกติ ใครบ้าง ปีนี้ตรงกับวันที่ 9 พฤษภาคม 2568

          วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 หลายคนคงสงสัยว่า วันพืชมงคลในปีนี้ ตรงกับวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 ใครบ้างที่จะได้หยุดในวันดังกล่าว มีรายละเอียดดังนี้

คนที่จะได้หยุด

          – ข้าราชการ

          – บุคลากรที่โรงเรียน (กรณีวันพืชมงคลตรงกับช่วงเปิดเทอม)

คนที่ไม่ได้หยุด

          – พนักงานเอกชน

          – พนักงานธนาคาร