KUBET – ชมพู่ อารยา ส่งลูกสาว ป้าเจี๊ยบ เรียนเมลเบิร์น ลั่นเขาให้เราทั้งชีวิต ขอดูแลชีวิตข้างหลังเขาเอง

KUBET – ออร์แกไนซ์ มีภัยใหม่ในงานแต่งงาน เมื่อบ่าวสาวมีสินสอด แต่ไม่มีเงินจัด จบที่โรงพัก

           เตือนภัยวงการแต่งงาน เจอบ่าวสาวสุดแสบ สินสอดมี ไม่มีเงินจัดงาน จนใช้ทริกสารพัดหลอกทางร้าน เรื่องนี้ขอจบที่โรงพัก



บ่าวสาวเบี้ยวค่าจัดงานแต่ง

          วันที่ 3 เมษายน 2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นบริษัทออร์แกไนซ์จัดงานแต่งงาน มีการโพสต์แฉลูกค้าทำงามหน้า มีค่าสินสอด แต่ไม่มีเงินจัดงาน จนร้านเดือดร้อน มีรายละเอียดดังนี้

วันที่ 19 มีนาคม

          เจ้าบ่าวเข้ามาทักเพจร้านขอดูแพ็กเกจ และจะขอจัดงานวันที่ 21 มีนาคม หรืออีก 2 วันให้หลัง ด้วยความที่ฉุกละหุก ทางร้านจึงถามทั้งคู่ว่า ราคาแพ็กเกจแค่นี้รับได้ไหม เพราะมีเวลาเตรียมของ 1 คืน ทั้งคู่ก็ตอบตกลง

บ่าวสาวเบี้ยวค่าจัดงานแต่ง

          ต่อมาร้านขอมัดจำ 20% ทางเจ้าบ่าวบอกว่า จะโอนให้ภายใน 6 โมงเย็น แล้วก็เงียบ ก่อนมาบอกอีกทีจะโอนภายในเที่ยงของวันที่ 20 มีนาคม

บ่าวสาวเบี้ยวค่าจัดงานแต่ง

วันที่ 20 มีนาคม

          ทางร้านขนโครงสร้าง บายศรี อุปกรณ์จัดงานมาที่หน้างาน แต่เจ้าบ่าวขอเลื่อนโอนมัดจำเป็น 2 ทุ่ม ทั้งที่ทีมดอกไม้จัดเสร็จแล้ว ดังนั้น ร้านจึงบอกว่า ถ้าไม่มัดจำในคืนนี้ ร้านจะไม่ไปแต่งหน้า

          เวลา 3 ทุ่ม ทางเจ้าบ่าวจึงโอนมัดจำมาให้

วันที่ 21 มีนาคม

          ทีมช่างแต่งหน้าเข้าแต่งหน้าบ้านเจ้าบ่าว เวลาตี 3

วันที่ 23 มีนาคม

          เจ้าบ่าวขอเลื่อนจ่ายเงินที่เหลือเป็นวันที่ 24 มีนาคม ก่อน 5 โมง

วันที่ 24 มีนาคม

          เจ้าบ่าวขอเลื่อนจ่ายครั้งที่ 2 เป็นวันที่ 31 มีนาคม แต่ทางร้านขอเป็น 27 มีนาคม เพราะทีมช่างขอเบิกค่าแรงแล้ว

วันที่ 31 มีนาคม

          ทางร้านยังไม่จ่าย คำตอบที่ได้คือ อ้างพ่อกู้ยืมไม่ทัน ขอผ่อนชำระ

         
แต่ละงานกว่าจะเริ่ม จัดขึ้นได้ทางร้านต้องใช้ทีมงานเป็น 10 ชีวิต
มีต้นทุนทำงาน น้ำมัน กิน
และทุกคนตั้งใจทำงานเพื่อให้ได้ตามแบบและให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวประทับใจในผลงาน แล้วสิ่งที่คุณให้เรากลับมา

          ไม่พร้อมจัดงานแล้วคุณจะจัดให้ลำบากตัวเองและคนอื่นทำไม เรื่องนี้จบที่โรงพัก

บ่าวสาวเบี้ยวค่าจัดงานแต่ง

บ่าวสาวเบี้ยวค่าจัดงานแต่ง

บ่าวสาวเบี้ยวค่าจัดงานแต่ง

บ่าวสาวเบี้ยวค่าจัดงานแต่ง

บ่าวสาวเบี้ยวค่าจัดงานแต่ง

บ่าวสาวเบี้ยวค่าจัดงานแต่ง

บ่าวสาวเบี้ยวค่าจัดงานแต่ง

KUBET – พระธาตุอินแขวน ทำไมถึงไม่หล่น ทั้งที่เกิดแผ่นดินไหวแรง อ.เจษฎา เฉลยแล้ว


          อ.เจษฎา เปิดเหตุผล ทำไมพระธาตุอินทร์แขวน สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมียนมา เจอแผ่นดินไหวหนัก แต่ไม่ร่วงลงมา ความจริงล้วนตรงข้ามกับที่คิด



อ.เจษฎา เปิดเหตุผล ทำไมแผ่นดินไหวพระธาตุอินทร์แขวน แต่ไม่หล่น
          เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นที่ประเทศเมียนมา ได้สร้างความเสียหาย ความรุนแรงมากกว่าของไทยอย่างชัดเจน จนมีผู้เสียชีวิตเข้าสู่หลักพันคนแล้ว และสถานที่สำคัญในเชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ก็ได้รับความเสียหายไปด้วย

          วันที่ 2 เมษายน 2568 เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ของนายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการโพสต์ถึงพระธาตุอินทร์แขวน หนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมียนมาที่หลายคนเกิดคำถามว่า เมื่อเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง แต่ทำไมตัวหินถึงไม่ได้รับผลกระทบร่วงลงมา มีรายละเอียด ดังนี้

          มีคำถามมาจากข่าว (ดูลิงค์ด้านล่าง) เกี่ยวกับ “พระธาตุอินทร์แขวน” 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสูงสุด หรือ “เบญจมหาบูชาสถาน” ของประเทศเมียนมา ที่แม้จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ที่ระดับความแรง 8.2 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา และทำให้ยอดของพระธาตุสั่นไหวไปตามความรุนแรง จนกลายเป็นคลิปไวรัล แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบ !?

          ซึ่งก็ทำให้หลายต่อหลายคนแปลกใจ ที่หินยักษ์ก้อนนี้ ซึ่งมีน้ำหนักหลายร้อยตัน และมาตั้งอยู่บนริมผา ในลักษณะท้าทายแรงดึงดูดของโลกจนดูเหมือนจะตกมิตกแหล่ กลับไม่มีการเคลื่อนแต่อย่างใดหลังในเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ที่ผ่านมา

          ซึ่งก็คงเป็นเพราะมีหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าก้อนหินพระธาตุอินทร์แขวนนี้ เกิดจากการที่ในอดีต มีก้อนหินเคลื่อนที่หล่นลงมา แล้วติดคาอยู่ริมเพิงผาของยอดเขาพวงลวง โดยมีจุดศูนย์ถ่วงที่สมดุลพอดี ทำให้น้ำหนักไปอยู่บนตัวหน้าผา มากกว่าออกไปทางส่วนที่ยื่นออกไป !?

          แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นครับ ก้อนหินที่ตั้งอยู่ของพระธาตุอินทร์แขวนนี้ จริง ๆ แล้ว เป็น “หินก้อนเดียวกันกับตัวหน้าผา” นั่นแหละครับ

          ในทางธรณีวิทยานั้น ก้อนหินที่เห็นตั้งอยู่บนหน้าผา จริง ๆ แล้ว เป็นผลจากการที่น้ำไปกัดเซาะ (erosion) ชั้นหินแกรนิตที่แตกร้าวในแนวตั้งและแนวนอน ทำให้น้ำไหลไปตามแนวรอยแยกของหิน และกัดเซาะเปลี่ยนแปรรูปร่างของหินอย่างช้า ๆ เป็นเวลาอันยาวนาน จนทำให้ก้อนหินดูเป็นรูปกลมเกลี้ยงขึ้น และดูหลอกตา เหมือนกับว่าก้อนหินนี้ถูกยกขึ้นไปวางไว้บนหน้าผา อย่างน่าอัศจรรย์ครับ

อ.เจษฎา เปิดเหตุผล ทำไมแผ่นดินไหวพระธาตุอินทร์แขวน แต่ไม่หล่น
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant

KUBET – ไฮโซสาว แฉนักร้องยืมรถหรู เอาไปจำนำ 9.2 ล้าน ยังมาขอเงินไถ่รถ เลยให้อีก 2.6 ล้าน

          ไฮโซเวียดนาม เล่าประสบการณ์ ให้นักร้องยืมรถหรู ถูกเอาไปจำนำ 9.2 ล้าน ให้โอกาสแก้ตัว ยังมาขอเงินไปไถ่รถ แก้ปัญหาแบบคนรวย ให้ไปอีก 2.6 ล้าน



ไฮโซสาว แฉนักร้องยืมรถหรู เอาไปจำนำ 9 ล้าน
ภาพจาก TikTok @mailisa_group


          วันที่ 31 มีนาคม 2568 เว็บไซต์ kenh14.vn รายงานว่า ฟานถีไม นักธุรกิจสาวเวียดนาม เจ้าของธุรกิจคลินิกเสริมความงาม Mailisa ออกมาเปิดเผยเรื่องราวซึ่งกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมาก เมื่อเธอให้เพื่อนสนิทซึ่งเป็นนักร้องดัง ยืมรถหรูไปใช้ แต่สุดท้ายกลับถูกนำรถไปจำนำ แลกกับเงิน 7 พันล้านดอง (ราว 9.2 ล้านบาท)

          โดย ฟานถีไม โพสต์ตั้งคำถามบนโซเชียลว่า “ถ้าคุณให้คนรู้จักยืมรถไป ก่อนจะรู้ว่าพวกเขาเอาไปจำนำแลก 7 พันล้านดอง คุณจะทำยังไง จะแจ้งตำรวจ ? ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ? หรือฟ้องศาล ?”

ไฮโซสาว แฉนักร้องยืมรถหรู เอาไปจำนำ 9 ล้าน
ภาพจาก TikTok @mailisa_group

          นักธุรกิจสาว เล่าว่า
เธอกับสามีมีเพื่อนสนิทซึ่งเป็นนักร้องชื่อดัง วันหนึ่งเพื่อนคนนี้โทร.
มาปรึกษา อ้างว่ามีน้องชายจากกรุงฮานอย
ต้องเดินทางไปทางใต้เพื่อทำงานการกุศล จึงอยากจะขอยืมรถของพวกเธอ
ดังนั้นเธอกับสามีจึงตกลงให้เพื่อนยืมรถ โดยไม่คิดอะไรมาก

         
แต่ผ่านไป 7 วัน เพื่อนก็ยังไม่ติดต่อเอารถมาคืน และวันที่ 8
เธอก็เพิ่งรู้ข่าวว่ารถของเธอ ถูกนำไปจำนำเป็นเงิน 7 พันล้านดอง

ไฮโซสาว แฉนักร้องยืมรถหรู เอาไปจำนำ 9 ล้าน
ภาพจาก TikTok @mailisa_group

         
ในสถานการณ์เช่นนี้คนอื่น ๆ อาจจะแจ้งตำรวจ
แต่เธอเลือกที่จะทำในสิ่งที่แตกต่าง เธอนัดเพื่อนคนนั้นมาคุย
ให้โอกาสเขาแก้ตัว โดยอธิบายให้ฟังว่า แค่เธอโทร. หาทนาย
ทั้งเพื่อนและน้องก็อาจต้องติดคุกเป็นสิบปี
แต่เธอก็ไม่ได้อยากบีบให้ใครจนตรอก จึงจะให้พวกเขาได้แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด

         
หลังคุยกัน เพื่อนก็ติดต่อมาหาเธออีกครั้ง บอกว่าเขาต้องการเงินเพิ่มอีก 3
พันล้านดอง (ราว 3.9 ล้านบาท) ถึงจะไถ่รถกลับมาได้
แต่ตอนนั้นเธอไม่มีเงินจำนวนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม
เธอตัดสินใจจะช่วยเหลืออีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย และให้เงินสดไป 2
พันล้านดอง (ราว 2.6 ล้านบาท) พร้อมกับสมาร์ตโฟนหรู Vertu ซึ่งมีมูลค่า 800
ล้านดอง (ราว 1 ล้านบาท) เพื่อให้ไปไถ่รถ

ไฮโซสาว แฉนักร้องยืมรถหรู เอาไปจำนำ 9 ล้าน
ภาพจาก TikTok @mailisa_group

         
เมื่อเรื่องของเธอถูกแชร์ผ่านโซเชียล ก็กลายเป็นไวรัลที่ดึงดูดผู้ชมกว่า
2.7 ล้านวิว โดยมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย
นอกจากตั้งคำถามว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่
ยังพากันคาดเดาว่านักร้องคนดังกล่าวเป็นใครกันแน่

         
อย่างไรก็ตาม ฟานถีไม ได้เข้ามาไขข้อสงสัย
ยืนยันว่าเรื่องที่เล่าไปเป็นความจริง
พนักงานของเธอส่วนใหญ่และคนขับรถเองก็ทราบ
ส่วนเรื่องที่เพื่อนนักร้องคนนั้นเป็นใครนั้น เธอขอเก็บไว้เป็นความลับ
และเมื่อถามว่าเพื่อนนำรถไปจำนำได้อย่างไรทั้งที่ไม่มีเอกสาร
ฟานถีไมก็ให้คำตอบแล้วว่า มันเกิดขึ้นเพราะไม่ได้จำนำแบบถูกกฎหมาย
ซึ่งเป็นอีกจุดที่หากเธอจะเอาผิดเพื่อน ก็สามารถทำได้

ขอบคุณข้อมูลจาก kenh14.vn

KUBET – เปิดภาพเอกซเรย์จากเครื่องมือค้นหาจากทหารสหรัฐฯ ช็อก เจอร่างถูกปูนทับอยู่ใต้ซาก

          เปิดภาพเอกซเรย์จากเครื่องมือค้นหาของทหารสหรัฐฯ พบร่างคนติดในกองซากปูน ถูกปูนทับเป็นชั้น ๆ คืบหน้าเจออีก 5 ศพ หลังมีสัญญาณกลิ่นไม่พึงประสงค์



เผยภาพเอกซเรย์ ใต้ซากตึก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Fire & Rescue Thailand

          วันที่ 1 เมษายน 2568 เฟซบุ๊ก Fire & Rescue Thailand เปิดเผยภาพเอกซเรย์จากเครื่องมือค้นหาของทหารสหรัฐฯ พบร่างคนติดในกองซากปูนตึก สตง. ที่พังถล่ม แต่ยังไม่สามารถนำออกมาได้ โดยพบว่ามีลักษณะถูกปูนทับเป็นชั้น ๆ ลงไป อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเป็นเพียงข้อมูลจากดาวเทียม

         ขณะที่เวลา 10.30 น. ทางเพจ ระบุว่า เจ้าหน้าที่พบอีก 5 ศพ
หลังพบสัญญาณกลิ่นไม่พึงประสงค์จากใต้ตึก
โดยมีการระดมเครื่องจักรหนักยกซากปรักหักพัง
เร่งหาผู้สูญหายและผู้เสียชีวิต โดยยังหวังเจอคนรอดชีวิตเพิ่ม

 เผยภาพเอกซเรย์ ใต้ซากตึก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Fire & Rescue Thailand

ขอบคุณข้อมูลจาก Fire & Rescue Thailand

KUBET – ลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น โดนแซะต่อหน้า ไม่เห็นจะสวย ล่าสุดลงคลิปโชว์หน้าชัด ๆ คนดูพุ่ง 2 ล้าน

KUBET – บีบหัวใจ ย่าหลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา รอความหวังในโพรงแคบ


           นาทีบีบหัวใจ ย่า-หลาน 3 ชีวิตติดใต้ซากตึก หลังแผ่นดินไหวเมียนมา วิ่งหนีลงทางหนีไฟแต่ไม่ทัน รอคอยความหวังในโพรงเล็ก ๆ พ่อคว้าค้อนทุบรูเอง 



บีบหัวใจ ย่า-หลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก U Naung
           เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.2 ที่ประเทศเมียนมา นับเป็นภัยพิบัติใหญ่ที่ทำให้เกิดความสูญเสียและคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 2,700 ราย ซึ่งแม้เหตุการณ์ผ่านมานานหลายวัน แต่ยังมีการระดมความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ด้วยความหวังว่าจะยังคงมีผู้รอดชีวิตอยู่ใต้ซากอาคารและบ้านเรือนที่ถล่ม

           ขณะที่ล่าสุด (2 เมษายน 2568) MS News รายงานว่า คลิปนาทีชีวิตของพี่น้อง 2 สาว รวมถึงคุณย่าวัย 75 ปี ที่รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์และยังคงรอความช่วยเหลืออยู่ใต้ซากอาคารที่พังถล่มลงมา กลายเป็นไวรัลที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเด็กสาวเป็นผู้ถ่ายคลิปนั้นไว้ ก่อนที่พ่อของเธอจะนำคลิปมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 31 มีนาคม

           จากโพสต์ พ่อเผยว่า ลูกสาวทั้ง 2 คน อายุ 13 และ 16 ปี ติดอยู่กับคุณย่าที่มีปัญหาโรคหัวใจ โดยในวันนั้น (28 มีนาคม) ครอบครัวของเขาไปเยี่ยมคุณย่าที่อพาร์ตเมนต์ ภรรยากับลูกชายเพิ่งก้าวออกจากห้องไปไม่นานก็เกิดแผ่นดินไหว ทำให้กำแพงห้องพังลงมา คุณย่าได้รับบาดเจ็บจนเลือดอาบศีรษะ แต่ก็ยังพยายามคว้าตัวหลานสาวทั้งคู่ไว้ และพากันหนีลงมาโดยใช้บันไดหนีไฟ

           แต่ก่อนที่ทั้ง 3 คนจะหนีออกมาพ้น อาคารทั้งหลังก็ถล่มลงมาเสียก่อน ทำให้ย่าและหลานสาวติดอยู่ใต้ซากอาคาร ทว่านับเป็นโชคดีที่ทั้ง 3 คนยังมีลมหายใจ

บีบหัวใจ ย่า-หลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก U Naung
           ในคลิปที่เด็กสาวบันทึกไว้ เธอบรรยายสภาพรอบตัวว่ามืดสนิทและเต็มไปด้วยฝุ่น พวกเธอมองไม่เห็นกันเนื่องจากมีเศษซากหนัก ๆ กดทับตามร่างกายของพวกเธอ แต่แม้จะอยู่ในสภาพที่แทบหายใจไม่ออก แต่พวกเธอยังสามารถใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกคลิป พร้อมส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ

           ยังมีคลิปอื่นที่ทั้ง 3 คนนำเศษซากที่กดทับร่างกายออกไปได้ และนั่งรวมตัวกันอยู่ในช่องว่างเล็ก ๆ ที่รอบด้านถูกกองอิฐและปูนปิดทาง รวมถึงมีภาพขณะที่หลานสาวพยายามเคาะแท่งเหล็ก ด้วยความหวังว่าจะมีคนได้ยินเสียงและเข้ามาช่วย

           พวกเธอยังพยายามเขียนข้อความขอความช่วยเหลือ “SOS” ตามเศษซากรอบ ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยเศษฝุ่น เรียกว่าทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ในขณะนั้น

บีบหัวใจ ย่า-หลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก U Naung

           ในที่สุดทีมกู้ภัยก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ยังต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงในการรวบรวมอุปกรณ์ที่จำเป็น สำหรับสลัดและเจาะซากอาคารเข้าไป ในตอนนั้น พ่อที่ร้อนใจได้หาค้อนมาทุบและกระเทาะซากอาคารบางส่วน จนสร้างรูเล็ก ๆ ให้ลูกสาวของเขาใช้มุดออกมา

           อย่างไรก็ตาม แม้เด็ก ๆ จะพยายามทำให้รูกว้างขึ้น แต่พวกเธออ่อนแรงเกินกว่าจะมุดออกมาด้วยตัวเอง กระทั่งเวลาผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดทีมกู้ภัยก็กลับมาพร้อมกองกำลัง จนสามารถนำตัวเด็กสาวพี่น้อง และคุณย่า ออกมาจากซากอาคารได้

           ต่อมาพ่อยืนยันว่า คุณย่าสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว และเขาเองก็โล่งใจอย่างยิ่งที่ครอบครัวที่เขารัก รอดชีวิตจากเหตุร้ายมาได้ เขายังขอบคุณความแข็งแกร่งและอดทนของทั้ง 3 คน รวมถึงแสดงความขอบคุณอย่างถึงที่สุดต่อชุดกู้ภัย

           “ขอบคุณกู้ภัยทุกคน ที่ทำงานกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนถึงรุ่งสาง เพื่อช่วยเหลือพวกเรา”

บีบหัวใจ ย่า-หลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก U Naung
บีบหัวใจ ย่า-หลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก U Naung

บีบหัวใจ ย่า-หลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา

ภาพจาก เฟซบุ๊ก U Naung
บีบหัวใจ ย่า-หลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก U Naung
บีบหัวใจ ย่า-หลาน ถ่ายคลิปติดใต้ซากตึก แผ่นดินไหวเมียนมา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก U Naung

ขอบคุณข้อมูลจาก MS News
 

KUBET – บ้านชิดกรุง กุ้งเผา สามโคก ปิดตำนาน 12 ปี ลูกค้า ชี้ เหตุที่ต้องปิด ทั้งที่อาหารอร่อย

          ร้านอาหารดัง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปิดตำนาน 12 ปี ลูกค้าวิเคราะห์สาเหตุที่ต้องปิด ทั้งที่อาหารอร่อยถูกปาก เปิดให้บริการถึง 30 เมษายน 2568



 
         วันที่ 2 เมษายน 2568 ร้านอาหารบ้านชิดกรุง กุ้งเผา สามโคก ร้านอาหารชื่อดังริมแม่น้ำเจ้าพระยาใน จ.ปทุมธานี มีการประกาศปิดกิจการ โดยจะเปิดให้บริการถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 เท่านั้น

          ขอบพระคุณคุณลูกค้าทุกท่าน ทุกมื้ออร่อย และทุกความผูกพันที่มีให้กัน มาตลอดระยะเวลา 12 ปี

          แวะมาอำลาความทรงจำดี ๆ ทานกุ้งเผาอร่อย ๆ อาหารไทยโบราณรสมือคุณย่ากันนะคะ แล้วพบกันค่ะ

ลูกค้าวิเคราะห์สาเหตุปิดร้าน

          ขณะที่ชาวเน็ตมีคนเข้ามาวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ต้องปิดกิจการว่า
อาจจะเป็นเพราะช่วงหลังร้านไม่ค่อยมีกุ้งตัวใหญ่ กินไม่จุใจ
ส่วนอาหารก็ยังคงอร่อย เรื่องนี้อาจจะเป็นบทเรียนสำหรับคนไทยได้ว่า
ห้ามลดคุณภาพเด็ดขาด ถ้าของดีจริง ให้ขึ้นราคาเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมกว่า

          ส่วนลูกค้าคนอื่น ๆ มองว่า ร้านอาหารนี้อาหารอร่อย การที่ต้องปิดร้านเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก ทั้งที่ขายดีแท้ ๆ

ร้านอาหารปิดกิจการ

ร้านอาหารปิดกิจการ

ร้านอาหารปิดกิจการ

KUBET – เชฟเควส ซัดเดือด แก๊งเขาจะรู้ไหมเพื่อนทำอะไรไว้ หลัง เป่าเป้ วิวาห์ล่ม งงอีกคนหายไปไหน

KUBET – CEO แฉฝันร้ายบนเครื่องบิน ผู้ชายข้าง ๆ ขัดหนอนเป็น ชม. แจ้งลูกเรือกลับถูกเมิน

          CEO หญิง เล่าฝันร้ายบนเครื่องบิน เจอผู้ชายข้าง ๆ นั่งสาวหนอนเป็นชั่วโมง แจ้งลูกเรือกลับถูกเมิน จ่ายค่าตั๋วเป็นแสน สุดท้ายแต่เจอแบบนี้



ช่วยตัวเองบนเครื่องบิน

          วันที่ 31 มีนาคม 2568 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานเรื่องราวของ นีล เอลเชอรีฟ ซีอีโอหญิงจากบริษัทแบรนด์หรู ที่ต้องพบเจอประสบการณ์ไม่น่าจดจำขณะเดินทางโดยสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส จากนิวยอร์ก ซิตี สหรัฐฯ ไปเมืองมิลาน ของอิตาลี หลังจากที่เธอถูกบังคับให้นั่งอยู่ติดกับผู้ชายคนหนึ่ง ที่นั่งชักว่าวสำเร็จความใคร่เป็นอยู่ชั่วโมง แถมยังถูกลูกเรือเพิกเฉยตอนที่แจ้งเรื่องให้ทราบ

          รายงานเผยว่า เอลเชอรีฟ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท 3 แห่ง จ่ายเงินค่าตั๋ว 3,000 ดอลลาร์ (ราว 100,000 บาท) เพื่อเดินทางโดยที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมียม ของเที่ยวบินดังกล่าว ซึ่งออกเดินทางเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ระหว่างนั้นเธอนั่งติดอยู่กับชายผิวขาวรายหนึ่ง ที่สั่งแชมเปญมาดื่มตลอดทั้งเส้นทางจนมีอาการมึนเมาอย่างเห็นได้ชัด

          จนเมื่อไฟบนเครื่องถูกหรี่ลง ในตอนที่เอลเชอรีฟกำลังจะงีบหลับ เธอก็สังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นข้าง ๆ ตัว เมื่อผู้ชายที่นั่งอยู่ติดกันใช้มือกุมเป้า และถูอวัยวะเพศผ่านกางเกงไม่หยุด แถมยังถูหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เธอถึงกับช็อกตัวแข็ง เมื่อรู้ตัวว่าชายคนนี้นั่งสำเร็จความใคร่อย่างโจ่งแจ้ง

          เป็นเวลาประมาณ 60 นาที ที่ชายคนดังกล่าวนั่งช่วยตัวเองไม่หยุด ขณะที่ลูกเรือก็ไม่ได้เข้ามาห้ามหรือแทรกแซงใด ๆ ในตอนที่เอลเชอรีฟแจ้งให้ลูกเรือทราบถึงความอึดอัดและไม่สบายใจของเธอ ลูกเรือกลับบอกเพียงว่า “ผู้ชายก็ชอบทำอะไรแบบนี้แหละ”

          ลูกเรือย้ำอีกด้วยว่า สามีของตัวเองก็ทำพฤติกรรมแบบเดียวกัน ทำให้ซีอีโอหญิงยิ่งช็อกหนัก

          เอลเชอรีฟ อ้างว่าลูกเรือไม่ยอมปกป้องเธอ
แถมยังไม่ย้ายผู้ชายคนดังกล่าวไปนั่งที่อื่นด้วย
โดยบอกเพียงว่าไม่มีอะไรที่ตัวเองสามารถทำได้
นอกจากการย้ายที่ให้เธอไปนั่งในชั้นประหยัด ทั้ง ๆ ที่เธอจ่ายเงินไปร่วม
3,000 ดอลลลาร์ เพื่อจองตั๋วชั้นประหยัดพรีเมียม

         
สิ่งที่พบเจอทำให้เอลเชอรีฟ ตัดสินใจยื่นฟ้องสายการบินดังกล่าว
ซึ่งในเอกสารคำฟ้องอย่างเป็นทางการ ระบุว่า
“ลูกเรืออ้างว่าไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากย้ายเธอไปที่นั่งชั้นประหยัด
เธอเรียกร้องให้ย้ายผู้ชายคนนั้นไปแทน แต่ลูกเรือปฏิเสธ”

CEO หญิง เจอผู้ชายนั่งข้าง ๆ ช่วยตัวเองบนเครื่องบิน
ภาพจาก Instagram neelelsherif

         
ทนายของเอลเชอรีฟ ชี้ว่า สาเหตุที่ซีอีโอหญิงชาวอาหรับผู้นี้ถูกเมินเฉย
เป็นเพราะเพศและเชื้อชาติของเธอ ท่าทีของลูกเรือตอกย้ำอคติและความเชื่อผิด ๆ
ที่มองว่าผู้หญิงจำต้องทนต่อพฤติกรรมของผู้ชาย
และไม่ได้มองว่าการที่ผู้ชายคนนั้นนั่งสำเร็จความใคร่อยู่ข้าง ๆ เธอ
เป็นการคุกคามทางเพศ

          ขณะเดียวกันยังพบว่า
ลูกเรือให้การดูแลเป็นพิเศษกับผู้โดยสารชายคนนั้นมากกว่าเอลเชอรีฟ
โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ความสะดวกสบายของผู้ชายคนนั้นมากกว่า
เพียงเพราะเขาเป็นผู้ชายผิวขาว นอกจากนี้
เอลเชอรีฟยังเห็นว่าหลังจากที่ตัวเองยอมย้ายไปนั่งชั้นประหยัด
ลูกเรือได้เข้าไปเสิร์ฟแชมเปญให้ผู้ชายคนนั้นต่อเรื่อย ๆ
แถมยังมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างสนุกสนานและเป็นมิตร

          ทั้งนี้
เป็นเวลาร่วมชั่วโมงที่เอลเชอรีฟรู้สึกหวาดกลัวและตื่นตระหนก
เกินกว่าจะนอนหลับหรือแกล้งทำเป็นหลับได้เพราะกลัวว่าผู้ชายคนนั้นอาจพยายามแตะต้องตัวเธอ
สิ่งที่เกิดขึ้นทิ้งความเสียหายทางอารมณ์อย่างรุนแรงและยาวนาน
ทำให้เธอมีอาการวิตกกังวลขั้นรุนแรง กลัวการบิน และมีบาดแผลทางใจ
ทำให้เธอตัดสินใจยื่นฟ้องสายการบิน ในวันที่ 21 มีนาคม 2568

ขอบคุณข้อมูลจาก Daily Mail, CBS AUSTIN