KUBET – สวดยับ มหาลัยสั่ง นศ. ถอดกางเกง พิสูจน์แดงเดือด หลังขอลาป่วย ลั่นเป็นนโยบาย

         สวดยับ มหาวิทยาลัยสั่ง นศ. ถอดกางเกง พิสูจน์แดงเดือดจริง หลังขอลาป่วย เพราะปวดประจำเดือน อีกฝั่งยันเป็นนโยบาย หลังคนชอบอ้าง กันลาป่วยมั่ว 



สวดยับ มหาลัยสั่ง นศ. ถอดกางเกง พิสูจน์แดงเดือด
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์ MS News รายงานกรณีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศจีน ตกเป็นเป้าวิจารณ์เดือด หลังพบเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยสั่งให้นักศึกษาหญิงถกกางเกงลง เพื่อพิสูจน์ว่ามีประจำเดือนจริงหรือไม่ ตอนที่นักศึกษาหญิงขอลาป่วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นมาตรฐานตามนโยบายของสถาบัน

          รายงานเผยว่า นักศึกษาหญิงซึ่งเข้าศึกษาที่สถาบันเกิ่งตาน ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปักกิ่ง ได้โพสต์คลิปบนโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม โดยระบุว่า เธอได้ไปคลินิกของสถาบันเพื่อขอลาป่วย เนื่องจากปวดประจำเดือน แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ขอให้ถอดกางเกง เพื่อยืนยันว่ากำลังมีรอบเดือนจริง ๆ

          ซึ่งจากคลิปดังกล่าว นักศึกษาสาวได้ถามเจ้าหน้าที่ว่า “ที่คุณกำลังจะบอกก็คือ ผู้หญิงทุกคนที่มีรอบเดือน จะต้องถอดกางเกงโชว์ให้ดู เพื่อที่จะขอใบลาใช่ไหม” ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตอบว่า ใช่ เพราะเป็นกฎ

          เมื่อนักศึกษาขอดูเอกสารนโยบายที่เป็นลายลักษณ์อักษร เจ้าหน้าที่ไม่สามารถแสดงให้ดูได้ แต่กลับแนะนำให้เธอไปขอใบรับรองจากโรงพยาบาลแทน

          ต่อมาวันที่ 16 พฤษภาคม ทางสถาบันเกิงตาน
ออกแถลงการณ์ถึงกรณีดังกล่าว อ้างว่าคลิปที่ถูกแชร์ต่อกันนั้น
มีเนื้อหาที่ถูกบิดเบือน พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ในคลินิก
ปฏิบัติตามระเบียบภายใน

 
          จากแถลงการณ์ ระบุว่า
เจ้าหน้าที่ได้ซักอาการนักศึกษา และจะทำขั้นตอนอื่น ๆ เพิ่มเติม
ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากนักศึกษาแล้วเท่านั้น
ทางมหาวิทยาลัยเน้นย้ำว่า ไม่มีการใช้เครื่องมือหรือการสัมผัสทางกายภายใด ๆ
ระหว่างการมีปฏิสัมพันธ์นั้น
และย้ำว่าทางมหาวิทยาลัยมีสิทธิที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อการปล่อยข้อมูลเท็จที่มุ่งร้ายต่อสถาบัน

 
          อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเผยกับสื่อจีนว่า
นโยบายที่ขอให้มีการยืนยันเรื่องรอบเดือน
ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันนักศึกษาจากการลาป่วยแบบผิด ๆ มาตรการนี้ถูกนำมาใช้
หลังพบนักศึกษาบางคนลาป่วยหลายครั้งภายในเดือนเดียว
โดยอ้างว่าปวดประจำเดือน

 
          ขณะที่นักศึกษาในคลิป
ได้ออกมาเผยข้อมูลอัปเดตในเวลาต่อมา บอกว่าหลังจากนั้นเธอได้ไปโรงพยาบาล
และได้รับเอกสารตามที่ร้องขอแล้ว อย่างไรก็ตาม เธอยืนกรานจะไม่ลบคลิป
โดยอธิบายว่าจุดหมายของเธอคือต้องการผลักดันให้เกิดนโยบายที่มีเหตุผลและให้ความเคารพกันมากกว่านี้
เกี่ยวกับวิธีที่นักศึกษาหญิงจะลาป่วยเนื่องจากประจำเดือน
 
ขอบคุณข้อมูลจาก MS News

 

KUBET – รูปเรียนจบแสนเศร้า นร. ทั้งห้องเดินเท้า 2 กม. เพื่อเพื่อนคนพิเศษ ก่อนข่าวร้ายมาเยือน

 

            รูปจบการศึกษาแสนเศร้า นร. ทั้งชั้นพร้อมใจ เดินเท้า 2 กม. ไปถ่ายรูปร่วมกับเพื่อนคนพิเศษ เพียง 1 วันก่อนทราบข่าวร้าย



ภาพหมู่

ภาพหมู่

            วันที่ 24 มกราคม 2568 เว็บไซต์เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์
รายงานเรื่องราวที่สะเทือนใจชาวเน็ตจีนนับล้าน
กับภาพถ่ายจบการศึกษาสุดพิเศษของนักเรียน ม.ต้น ห้องหนึ่ง ในมณฑลเสฉวน
ประเทศจีน ที่ร่วมกันเดินเท้าเป็นระยะทางไกลกว่า 2 กิโลเมตร ไปยังโรงพยาบาล
เพื่อถ่ายภาพร่วมกับเพื่อนที่กำลังป่วยหนัก
ก่อนที่ทุกคนจะทราบข่าวร้ายในไม่ช้า
และภาพดังกล่าวก็กลายภาพความทรงจำสุดท้ายของเพื่อนคนนั้น

            รายงานเผยว่า
เหริน จุนเจี๋ย วัย 15 ปี เป็นนักเรียนชายจากโรงเรียนมัธยมอี้หลง
ที่ใช้ชีวิตนักเรียนปกติ จนกระทั่งปี 2567
เขากลับได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอน-ฮอดจ์กิน
ทำให้ต้องพักการเรียนเพื่อไปรักษาตัว

            เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ดีกว่า
เหริน จุนเจี๋ย ต้องย้ายไปรักษาตัวที่เมืองอื่น
และเพิ่งถูกส่งตัวกลับมายังโรงพยาบาลประชาชนอี้หลง
ที่อยู่ในเมืองเกิดของเขาเมื่อไม่นานมานี้

            อย่างไรก็ตาม
อีกเพียงเดือนเดียวเพื่อน ๆ ก็จะเรียนจบและต้องสอบเข้า ม.ปลาย กันแล้ว
ซึ่งตามปกติเด็ก ๆ ก็มักจะนิดกันไปกินข้าว หรือเฉลิมฉลองกัน
แต่เพื่อนร่วมชั้นของ เหริน จุนเจี๋ย
กลับเลือกที่จะทำในสิ่งพิเศษเพื่อเพื่อนของพวกเขา
ที่ไม่อาจมีโอกาสร่วมฉลองด้วย

            โดยหลังจากที่ครูเสนอไอเดียเรื่องการถ่ายภาพหมู่
ในวันที่ 17 พฤษภาคม นักเรียนทั้งห้องกว่า 50 คน พร้อมด้วยคุณครู
พร้อมใจกันสวมเครื่องแบบนักเรียน และเดินเท้ากว่า 2 กิโลเมตร
จากโรงเรียนมายังโรงพยาบาลอี้หลง จากนั้นเพื่อนหลายคนก็ขึ้นไปที่ห้องพักของ
เหริน จุนเจี๋ย ช่วยเขาสวมชุดนักเรียน
ก่อนจะเข็นเตียงของเขาลงมายังลานหน้าโรงพยาบาล

            เพื่อนในห้องจัดแถวเรียงกัน
โดยให้ เหริน จุนเจี๋ย อยู่ตรงกลาง เพื่อภาพถ่ายจบการศึกษา
และเมื่อถ่ายรูปหมู่เสร็จ เพื่อน ๆ
ยังนำจดหมายที่เต็มไปด้วยข้อความให้กำลังใจและคำอวยพร
ตลอดจนลูกบาสเก็ตบอลที่มีลายเซ็นของเพื่อนทุกคน รวมถึงชื่อของ เหริน
จุนเจี๋ย มอบให้เแก่เขา

ภาพหมู่

สำหรับข้อความจากเพื่อน ๆ เช่น

          “ขอให้นายอาการดีขึ้น และกลับมาหาพวกเราเร็ว ๆ นี้นะ”

          “ฉันชื่นชมความกล้าของนายในการต่อสู้กับโรคร้าย หายไว ๆ และมาเล่นเกมด้วยกันนะ”

          ครอบครัวของ
เหริน จุนเจี๋ย ยังโพสต์ภาพหมู่นี้
รวมถึงของขวัญที่ลูกชายได้รับทางโซเชียลมีเดีย แสดงความขอบคุณเพื่อน ๆ
และครูของลูกชาย ที่ดูแลใส่ใจเขา และอวยพรให้ทุกคนโชคดีในการสอบ

          แต่น่าเศร้า
ข่าวร้ายมาเยือนหลังจากนั้นเพียงไม่นาน เมื่อ เหริน จุนเจี๋ย
ได้จากโลกนี้ไปในเช้ามืดวันต่อมา
นับจากการสร้างความทรงจำพิเศษร่วมกับเพื่อน ๆ
นั่นทำให้ภาพหมู่ที่ถ่ายร่วมกัน กลายมาเป็นภาพหมู่ใบสุดท้ายของเขา
และเพื่อนบางคนก็อดไม่ได้ที่จะเสียน้ำตา เมื่อทราบข่าวแสนเศร้านี้

          ทั้งนี้
พ่อของเหริน จุนเจี๋ย เปิดใจว่า ทางครอบครัวขอบคุณทางโรงเรียน
ที่ช่วยเติมเต็มความฝันของลูกชาย
และช่วยให้ครอบครัวได้เก็บความทรงจำล้ำค่าของลูกชายที่รัก

ภาพหมู่

          เรื่องดังกล่าวกลายมาเป็นไวรัลที่สร้างความสะเทือนใจอย่างมากต่อชาวเน็ตจีน โดยมีคนเข้ามาร่วมคอมเมนต์ เช่น

          “ในรูปหมู่ใบสุดท้ายของชีวิตเขา เขาถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อนร่วมชั้นและครูที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก”

          “เขาไปสวรรค์ในวันถัดจากการถ่ายรูปหมู่ บางทีเขาอาจจะอดทนอยู่เพื่อช่วงเวลาแสนพิเศษนั้น”

          “นักเรียนในชั้นของเขาได้รับบทเรียนที่ดีที่สุด ที่ไม่อาจหาได้จากตำรา”

           “ในชาติหน้า เขาคงจะเป็นเด็กที่แข็งแรงและมีความสุขนะ”

ขอบคุณข้อมูลจาก SCM


KUBET – อาร์ต พศุตม์ โพสต์ลอย ๆ หมาแคระ ถามหลับหรือตาย ฝากถึงหมออั้ม มึงรวย ก็ให้ยืมไป

KUBET – ร้านเค้กดัง เจอแฉอีก คลิปลูกค้าท่านวีไอพี ซื้อทียกร้าน ที่แท้อดีต พนง. โดนสั่งถ่าย

 
          ร้านเค้กดังภูเก็ต เจอเพจดังแฉอีก คลิปลูกค้าท่านวีไอพี สั่งทุกอย่างในร้าน ยอดเกือบ 3 พัน คนจับโป๊ะไม่เนียน ที่แท้อดีตพนักงาน โดนสั่งให้ถ่ายคอนเทนต์ !?



 ร้านเค้กดัง เจอแฉอีก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ท่านเปา

 ร้านเค้กดัง เจอแฉอีก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ท่านเปา

              เป็นประเด็นดราม่าร้อน ๆ ในโซเชียล กรณีร้านเค้กดังที่ภูเก็ต
โดนเพจดังนำเรื่องราวมาแฉรัว ๆ ทั้งประเด็นรับแต่รีวิวบวก ลูกค้าให้ 1 ดาว
เจอทักไปขู่ฟ้อง คนสงสัยเรื่องใช้ครีมเทียม ขนมในร้านราคาสูงถึงชิ้นละ 250
บาท แต่หลายคนมองว่าคุณภาพไม่สมราคา ซ้ำยังมีเค้กที่ทำไว้หลายวันแล้ว
แต่ยังขายไม่ได้ ก็ยังคงวางขายอยู่ด้วย

              อ่านข่าว :  แฉร้านเค้ก
ฉุนลูกค้ารีวิว 1 ดาว ขู่จะฟ้อง-ให้ลบ ถ้าไม่อยากเดือดร้อน ร้านแจงแล้ว

              อ่านข่าว : เพจแฉซ้ำ
เค้กติดแกลม แต่คุณภาพชวนสงสัย ย้ำไม่น่าใช่ครีมแท้ อึ้งเก็บไว้ 4
วันยังขายต่อ

              ล่าสุด (26
พฤษภาคม 2568) เพจดัง ท่านเปา  ก็ได้มีการแชร์คลิปคอนเทนต์ของร้านเค้กดังกล่าว
ที่มีลูกค้ามาสั่งเค้กทุกแบบในร้าน บอกจะเอาไปบริจาคให้เด็กยากไร้
รวมยอดแล้วเกือบ 3 พันบาท และถูกเรียกว่าเป็น “ลูกค้าท่านวีไอพี” พร้อมข้อความว่า “หูยย์ เหมาเค้กหมด ยกร้าน ลูกค้าซื้อเยอะขนาดนี้
เห็นเงาในกระจกทำไมน้อง ๆ ถึงไม่รีบแพ็กของ แทนที่จะตื่นตัวนิสสส..”

 ร้านเค้กดัง เจอแฉอีก

            โดยชาวเน็ตเห็นคลิปดังกล่าวแล้วมองว่าน่าจะไม่ใช่ลูกค้าจริง
แต่เป็นการทำคอนเทนต์
เพราะนอกจากจุดสังเกตที่ว่าพนักงานคนอื่นดูไม่ได้กะตือรือร้นแล้ว
ตอนสแกนจ่ายก็ดูเหมือนไม่ได้จ่ายจริง แค่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
ทำท่าสแกน ทั้งที่ไม่ทันได้เปิดแอปฯ อะไรด้วยซ้ำ
แถมมีการย้ำชื่อเค้กหลายครั้ง จนดูไม่เนียนเท่าไรนัก
ซึ่งหลายคนก็มองว่าการทำคอนเทนต์แบบนี้ ดูไม่จริงใจกับผู้บริโภคเท่าไรนัก

 ร้านเค้กดัง เจอแฉอีก

 ร้านเค้กดัง เจอแฉอีก

 ร้านเค้กดัง เจอแฉอีก

 ร้านเค้กดัง เจอแฉอีก

            ต่อมาทางเพจ
ท่านเปา ก็แฉเพิ่มอีก บอกว่าความจริงแล้วคนในคลิปที่แสดงตัวว่าเป็นลูกค้า
VIP นั้น ความจริงแล้วเป็นอดีตพนักงาน
ที่เคยถูกสั่งให้ถ่ายคลิปดังกล่าวในตอนที่ยังทำงานอยู่ที่ร้าน
โดยทำทีเป็นลูกค้า และหลังจากลาออกก็ได้ขอให้ทางร้านลบคลิปแล้ว
และล่าสุดก็ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้วด้วย

            “น้องผู้ชายที่เหมาเค้กยกร้านอ้างว่าตอนที่ทำงานในร้านเค้ก
ถูกเจ้าของร้านสั่งให้ถ่ายคลิปเพื่อทำเป็นลูกค้าที่เข้ามาซื้อเค้ก
ตอนที่ลาออกจากร้านก็ขอให้ทางร้านลบคลิป
วันนี้ไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้วเพราะกลัวคนจะเข้าใจผิด…”

 ร้านเค้กดัง เจอแฉอีก

KUBET – มิกซ์ เฉลิมศรี ลั่นหมากเกมนี้ กูเXยเอง ยอมแพ้แล้ว หลังเพจเปิดแชตขุดหนุ่มใหม่ คนคุย

KUBET – ดิว อริสรา ประกาศขาย เบอร์สวย ลดกระหน่ำจากที่ซื้อมา ในราคา 99,000 บาท

KUBET – 2 สาวพุ่งลงถนน หวังแชะภาพเก๋ ๆ รถบัสเบรกไม่ทัน คนนึงล้มฟาด ซ้ำจะโดนคดี

            2 สาวพุ่งพรวด หวังถ่ายภาพกลางถนนมาเก๊า รถบัสเบรกไม่ทัน พุ่งเฉี่ยวจนล้ม เจ้าหน้าที่เร่งช่วยส่ง รพ. จ่อเอาผิดทั้งคู่ ฐานทำผิดกฎจราจร



รถชน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก 只需要好玩


            วันที่ 24 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์ hk.on.cc รายงานกรณีหญิงชาวจีนวัย 35 ปี ถูกรถบัสพุ่งชนบนถนนสายหนึ่งในพื้นที่ใจกลางมาเก๊า โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าช่วยเหลือ พบหญิงรายนี้ได้รับบาดเจ็บบริเวณท้ายทอย ยังมีสติรู้ตัว ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนและจะดำเนินคดีกับผู้บาดเจ็บและเพื่อน ฐานข้ามถนนในจุดห้ามข้าม โดยผู้บาดเจ็บจะถูกดำเนินคดีหลังออกจากโรงพยาบาล

            รายงานเผยว่า หญิงทั้ง 2 คน ได้ลงมาบนพื้นถนนเพื่อจะถ่ายรูปกับรถ ขณะที่บนโลกออนไลน์ยังปรากฏภาพของหญิงทั้ง 2 คน ขณะถ่ายคลิปเต้นบนถนน อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตบางส่วนชี้ว่าคลิปเต้นนั้นถูกสร้างขึ้นด้วย AI แต่เรื่องที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นนี้เป็นเรื่องจริง

รถชน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก 只需要好玩
           ด้านบริษัทรถบัสของมาเก๊า
เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อเวลาประมาณ 11.32 น. ขณะที่รถบัสสาย 10
กำลังเดินทางไปตามเส้นทาง แต่อยู่ ๆ ก็พบว่าอยู่ ๆ ผู้หญิง 2
คนนี้ก็เดินออกมาแบบฝ่าฝืนกฎจราจร ในช่วงที่รถบัสอยู่ในเลนฝั่งตรงข้าม
ทำให้เบรกไม่ทัน และด้านหนังรถฝั่งขวาชนเข้ากับหญิงรายหนึ่ง

            อย่างไรก็ตาม
ทางบริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปติดตามสถานการณ์
และดำเนินการตามขั้นตอนตอบสนองเหตุฉุกเฉิน
รวมถึงรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวทันที

ขอบคุณข้อมูลจาก hk.on.cc

KUBET – ไฟไหม้บ้านข้าราชการ สลดร่างพาดหน้าต่าง หนีตายแต่ติดเหล็กดัด ชาวบ้านสุดสะเทือนใจ

           ไฟไหม้บ้านข้าราชการ สลดตัวห้อยพาดหน้าต่าง พยายามหนีตายแต่ติดเหล็กดัด ชาวบ้านสุดสะเทือนใจ ช่วยไว้ไม่ได้ พบพลเมืองดีบาดเจ็บ 1 คน



ไฟไหม้บ้าน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Fire & Rescue Thailand


           วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 เฟซบุ๊ก Fire & Rescue Thailand บัวทอง จ.นนทบุรี งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองบางคูรัด นำรถดับเพลิงออกตรวจสอบ ร่วมกับมูลนิธิร่วมกตัญญู พบมีผู้ได้รับบาดเจ็บสำลักควัน 1 ราย และเสียชีวิต 1 ราย

 
           จากการตรวจสอบ พบต้นเพลิงอยู่บริเวณชั้น 2 ของบ้าน ขณะที่สาเหตุและมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างตรวจสอบ ขณะที่ผู้เสียชีวิตนั้น พบร่างในสภาพลำตัวช่วงบนพาดอยู่ตรงขอบหน้าต่างชั้น 2 ช่วงล่างติดเหล็กดัด ด้านเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันนำร่างของผู้เสียชีวิตออกจากตัวบ้าน
 

ไฟไหม้บ้าน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Fire & Rescue Thailand

           ด้านเพจ ข่าวนนทบุรี รายงานว่า ผู้เสียชีวิตคือ นายฉัตรชัย ส่งเสริม อายุ 49 ปี ชาวบ้านให้ข้อมูลว่าผู้ตายมีอาชีพเป็นข้าราชการ ทำงานอยู่ในหน่วยงานสรรพสามิตที่ จ.ชัยนาท เวลาว่างจะทำงานเป็นไรเดอร์ ส่วนสภาพศพอยู่ในท่าห้อยตัวพาดออกจากหน้าต่างระเบียงห้องนอน เหมือนพยายามจะหนีออกจากห้องที่เต็มไปด้วยควันและความร้อน แต่ติดเหล็กดัดที่ติดตั้งแน่นหน้า ทำให้ไม่สามารถหนีออกมาได้

           ส่วนผู้บาดเจ็บคือ ด.ต. อุรส สมบูรณ์ อายุ 57 ปี ตำรวจสังกัดกองบัญชาการสอบสวนกลาง ซึ่งเป็นพลเมืองดีที่พบเห็นเหตุการณ์และได้ปีนบ้านเข้าช่วยเหลือคนในบ้าน ก่อนสำลักควันและได้รับบาดเจ็บที่แขนจากเหล็กดัดหน้าต่าง เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลแล้ว

ไฟไหม้บ้าน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Fire & Rescue Thailand

           ด้าน
นายสิงโต อายุ 65 ปี พลเมืองดีอีกคน เล่าว่า ตนเห็นควันไฟจึงวิ่งออกมาดู
ระหว่างนั้นมีตำรวจที่อยู่ในหมู่บ้านปีนขึ้นหลังคา
เอาหิบทุบกระจกเนื่องจากประตูบ้านด้านล่างถูกล็อก
ทำให้แขนของตำรวจถูกเลือดไหลไม่หยุด
ตอนนั้นผู้ตายอยู่ในสภาพโผล่ตัวออกมาด้านนอก จากหน้าต่างที่มีเหล็กดัด
ยังมีชีวิตอยู่และพยายามจะหายใจ แต่เนื่องจากผู้ตายรูปร่างใหญ่
ทำให้ออกมาได้เพียงครึ่งตัว
ทั้งนี้ผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างสะเทือนใจกับภาพที่เห็นผู้ตายออกมาจากหน้าต่าง
และไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ อาจเป็นเพราะควันไฟเยอะจนสำลักควัน

           โดยปกติบ้านหลังนี้จะอาศัยอยู่เป็นครอบครัว ประมาณ 3-4 คน และมีเด็กอยู่ด้วย แต่วันนี้ไม่มีใครอยู่ มีเพียงผู้ตายอยู่เพียงคนเดียว

ไฟไหม้บ้าน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Fire & Rescue Thailand

KUBET – ชายสิงคโปร์ย้ายมาอยู่ไทย ชีวิตดีแถมเงินเหลือ แม้บินไป-กลับทำงาน

          ชายรีวิวชีวิต ย้ายจากสิงคโปร์มาอยู่เมืองไทย ชีวิตดีแถมค่าใช้จ่ายถูก ยังประหยัดกว่าแม้ต้องบินไป-กลับ เพื่อทำงานสัปดาห์ละ 1 ครั้ง



ต่างชาติย้ายมาอยู่ไทย
ภาพจาก YouTube @9to5MillionaireMindset 

          วันที่ 21 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์ CNBC รายงานว่า ชายชาวสิงคโปร์ เล่าการตัดสินใจย้ายมาอยู่เมืองไทย แม้จะยังต้องเดินทางไป-กลับ สัปดาห์ละ 1 วันเพื่อทำงาน แต่ก็ยังประหยัดกว่าการต้องอาศัยอยู่ที่สิงคโปร์ตลอดช่วงที่ผ่านมา

          เซา ซุน เฉิน ชายชาวสิงคโปร์ วัย 39 ปี ตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตด้วยการย้ายจากบ้านเกิด มาอาศัยอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมกับภรรยา เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 โดยปัจจุบัน เขายังคงบินกลับไปทำงานที่สิงคโปร์สัปดาห์ละ 1 วัน เพื่อสอนวิชาการตลาดดิจิทัลที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์

ต่างชาติย้ายมาอยู่ไทย
ภาพจาก YouTube @9to5MillionaireMindset 

          ก่อนหน้านี้ เซา ซุน เฉิน ต้องจ่ายค่าที่พักใน สิงคโปร์ ประมาณ 2,450 ดอลลาร์สิงคโปร์ ต่อเดือน (ราว 61,000 บาท) สำหรับคอนโด 2 ห้องนอนของเขา แต่ปัจจุบันเขาย้ายมาเช่าคอนโด 1 ห้องนอนที่ไทย ซึ่งครบครันทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ในราคาเฉลี่ยเพียงเดือนละ 450 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 11,000) เท่านั้น

          สำหรับค่าครองชีพอื่น ๆ ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ของใช้ ของเขาและภรรยา เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 300 – 500 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดือน (ราว 7,500 – 12,000 บาท) ค่าเดินทางสำหรับบินไป-กลับ สิงคโปร์ อยู่ที่ประมาณ 250 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อสัปดาห์ (ราว 6,300 บาท) 

ต่างชาติย้ายมาอยู่ไทย
ภาพจาก YouTube @9to5MillionaireMindset 

          ทั้งนี้จากรายได้การการสอนสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง อยู่ที่ประมาณ 2,000 ถึง 4,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 50,000 – 100,000 บาท) ก็เพียงพอแล้วสำหรับค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเขาและภรรยาในการพักอาศัยในประเทศไทย

          ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตในต่างแดนได้อย่างมั่นคง คือผลจากการใช้เงินอย่างมีวินัย เก็บออม ลงทุน มาตลอดชีวิตการทำงานนับ 10 ปี ที่บริษัทดังอย่าง Google จนกระทั่งเขาถูกเลิกจ้างอย่างกะทันหันเมื่อปี 2567 ทำให้เขารู้ว่าพอร์ตการลงทุนของเขานั้นมีมูลค่าสูงถึง 2 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 50 ล้านบาท) ซึ่งเพียงพอให้เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างน้อย 30 ปี แม้จะไม่มีรายได้จากการทำงานเข้ามา

ต่างชาติย้ายมาอยู่ไทย
ภาพจาก YouTube @9to5MillionaireMindset

          อย่างไรก็ดี
แม้ว่าเขาจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยดอกเบี้ย เงินปันผล
และกำไรจากการลงทุน แต่เขากลับเลือกที่จะไม่ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย
พร้อมทั้งยังเปิดโอกาสหารายได้จากช่องทางใหม่ ๆ
นอกจากการสอนเป็นอาจารย์พิเศษในสิงคโปร์แล้ว เขายังทำช่อง YouTube
และรวมทั้งยังให้คำปรึกษาด้านธุรกิจกับลูกค้าอีกด้วย โดยรวมแล้ว
เขาใช้เวลาทำงานประมาณ 4-8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น

         
หนึ่งในสิ่งสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตที่ต่างแดน
เขามองว่าเป็นเรื่องการปรับตัวและยอมรับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น
เขานั้นเลือกที่จะไม่ใช้เงินทองฟุ่มเฟือย
โดยสามารถประหยัดเงินได้ด้วยการซื้อสินค้าของไทย เช่น อาหารไทย ยาไทย
หรือแม้กระทั่งเบียร์ไทย
เนื่องจากสินค้าเหล่านี้มีราคาถูกกว่าสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างมาก

ต่างชาติย้ายมาอยู่ไทย
ภาพจาก YouTube @9to5MillionaireMindset 

         
สุดท้ายนี้ แม้ว่าการย้ายมาใช้ชีวิตที่ไทยจะล้วนมีแต่มุมที่ดี
แต่ก็ยังมีบางอย่างที่ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง เช่น
ความรู้สึกไม่มั่นคงในการใช้ชีวิตเหมือนที่เคยทำงานประจำ นอกจากนี้
การจราจรเมื่อต้องเดินทางจากไทยไปสิงคโปร์นั้นก็ถือเป็นเรื่องใหญ่เสมอ
รวมทั้งความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง โดยสรุปแล้ว
เขารู้สึกมีความสุขกับการใช้ชีวิตที่ไทย
แต่ก็ยังคงไม่ปิดกั้นความคิดที่จะกลับไปอยู่ที่สิงคโปร์ในโอกาสที่เหมาะสม

ต่างชาติย้ายมาอยู่ไทย
ภาพจาก YouTube @9to5MillionaireMindset 

ต่างชาติย้ายมาอยู่ไทย
ภาพจาก YouTube @9to5MillionaireMindset 

ขอบคุณข้อมูลจาก CNBC


KUBET – แม่ยืนช็อก เห็นลูกในเบบี้มอนิเตอร์เหมือนตาหลุด สุดท้าย โอละพ่อ

          แม่ถึงกับยืนช็อก เห็นภาพลูกในจอ เบบี้มอนิเตอร์ สะพรึงนึกว่าดวงตาหลุดออกมา พอเข้าไปดูถึงกับเงิบ เฉลยที่แท้มันคืออะไร



ส่องมอนิเตอร์เจอลูกตาหลุด
ภาพจาก TikTok @misskerrydanielle

          วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์ Mirror Media รายงานว่า แม่ลูกอ่อนรายหนึ่ง ซึ่งติด เบบี้มอนิเตอร์ไว้ที่บ้านสำหรับดูลูกน้อย แต่จู่ ๆ ก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อได้เห็นภาพลูกในสภาพคล้ายว่าดวงตาเบิกกำลังโพลงอยู่ 1 ข้าง หรือหลุดออกมา อย่างไรก็ดี สุดท้ายความจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น

          เคอร์รี่ คุณแม่วัย 34 ปี จากสหราชอาณาจักร เผยว่า เธอเพิ่งจะกล่อม มีอา ลูกสาววัย 9 เดือนให้นอนหลับบนเตียงเด็ก ก่อนจะเดินออกไปเข้าครัวเพื่อทำอาหารเย็น แต่ระหว่างที่กำลังเตรียมอาหาร ภาพที่เธอได้เห็นผ่านเบบี้มอนิเตอร์ก็ทำให้เธอช็อกสุดขีด จนร่างกายแข็งทื่อไปทั้งตัว

          ภาพจากจอดังกล่าว เผยให้เห็น มีอา
ที่กำลังนอนหลับอยู่ แต่กลับมีสิ่งที่ผิดปกติคือ
ตาข้างหนึ่งของลูกกลับเบิกโพลงจนผิดธรรมชาติ
คล้ายว่าดวงตาข้างนั้นกำลังหลุดออกจากเบ้าตา เคอร์รี่ ยอมรับว่า
นาทีนั้นเธอคิดจริง ๆ ว่าดวงตาของลูกได้หลุดออกมา
ตอนนั้นถึงกับขยับตัวไม่ได้ ยังดีที่ไม่ถึงขั้นเป็นลมล้มลงไป

ส่องมอนิเตอร์เจอลูกตาหลุด
ภาพจาก TikTok @misskerrydanielle

          เคอร์รี่
รีบวิ่งเข้ามาในห้องนอนลูกแล้วเปิดไฟทันที
แต่สิ่งที่เห็นกลับไม่ใช่สิ่งที่คิด เพราะภาพที่ดูเหมือนดวงตา
ที่แท้มันคือจุกขวดนมที่หลุดออกมาในตำแหน่งใกล้กับตาของลูก
ซึ่งด้วยมุมกล้องและความมืดนั้นชวนให้ผู้เป็นแม่เข้าใจผิดไปเอง
พอได้รู้ความจริงเธอถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
พร้อมกับยืนขำตัวเองเงียบ ๆ อยู่ข้างเตียงลูก
ส่วนลูกน้อยนั้นก็ยังคงหลับปุ๋ยต่อไปอย่างสบายใจ

          นอกจากนี้
เคอร์รี่ เผยอีกว่า มุมที่น่าตลกก็คือ มีอา ไม่เคยชอบการดูดจุกนมปลอมเลย
เพราะลูกนั้นติดนมแม่หนักมาก
เธอเองก็พยายามจะให้ลูกไปดูดจุกนมปลอมเพื่อให้ตัวเองได้พักร่างกายบ้าง
แต่จู่ ๆ อุปกรณ์นี้ก็ทำให้เธอขวัญกระเจิงเข้าจนได้

          ต่อมา
เคอร์รี่ ตัดสินใจนำภาพดังกล่าวของลูกน้อยใส่ควบคู่กับดนตรีชวนหลอน
จนมันกลายเป็นไวรัลที่มียอดเข้าชมกว่า 8 แสนครั้ง
ซึ่งชาวเน็ตหลายคนต่างยอมรับว่า
พอได้เห็นทีแรกก็พากันสะพรึงไม่ต่างจากคุณแม่
ก่อนที่สุดท้ายจะกลายเป็นเรื่องราวชวนอมยิ้มในท้ายที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก Mirror Media