เดือน: กรกฎาคม 2025

          เปิดแผนรองรับ หลังศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องปมคลิปเสียง แพทองธาร – ฮุนเซน พร้อมสั่งนายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ เผย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นั่งรักษาการนายกฯ แทน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Ing Shinawatra

         จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้รับคำร้องปมคลิปเสียง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร สนทนากับ สมเด็จฮุน เซน และมีมติ 7 ต่อ 2 ให้นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น 

         ล่าสุด (1 กรกฎาคม 2568) Thai PBS รายงานว่า สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้เตรียมแผนรองรับ กรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง สว. และมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้แล้ว โดยรองนายกรัฐมนตรี ที่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ก็คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งจะมีอำนาจเต็ม และต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรีให้สามารถสั่งการเกี่ยวกับแต่งตั้งบุคลากรและงบประมาณได้

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์กระทรวงคมนาคม

 

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์กระทรวงคมนาคม 

         สืบเนื่องจากประกาศโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งมีคำสั่งให้
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
พ้นจากตำแหน่ง และไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมกับรัฐมนตรีอื่น ๆ
ที่พ้นจากตำแหน่งเดิมไปดำรงตำแหน่งใหม่ ซึ่งจะต้องรอเข้าเฝ้าฯ
ถวายสัตย์ปฏิญาณในวันที่ 3 กรกฎาคม จึงจะปฏิบัติหน้าที่ได้
เนื่องจากหากมีการปรับตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง แม้อีกตำแหน่งไม่ได้ปรับ
ตามหลักก็จะต้องพ้นจากตำแหน่งเดิม

         ทั้งนี้
มีรายงานว่าในส่วนของเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีความกังวล
เนื่องจากไม่เคยเกิดเหตุการณ์นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่
ระหว่างการนำคณะรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ
โดยเฉพาะในส่วนของรักษาการนายกรัฐมนตรีที่จะต้องนำคณะรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯ
แทนนายกรัฐมนตรี แต่เรื่องนี้ได้มีการปรึกษาสำนักงานเลขาธิการกฤษฎีกาแล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก Thai PBS, ฐานเศรษฐกิจ 

 
           ลูกค้าโวยสนั่น สั่ง พนง. ชดใช้ค่ารองเท้า 3,200 ฉุนทำน้ำหกใส่ ไม่ยอมแม้เสนอให้กินฟรี กลายเป็นดราม่าเสียงแตก ทำเกินไปหรือสมควร ชี้รองเท้ารุ่นเก่า ปัจจุบันราคาตก 

ภาพจาก Threads ngayeezuky

            โดยหญิงชาวฮ่องกง โพสตผ่าน Threads
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน เล่าว่า
ขณะที่เธอไปกินข้าวที่ร้านอาหารในย่านเชิงหว่าน ของฮ่องกง
เธอสังเกตเห็นกลุ่มลูกค้าชาวจีนแผ่นดินใหญ่หลายคน
กำลังโต้เถียงกับพนักงานหญิง
เรียกร้องให้อีกฝ่ายชดใช้ค่ารองเท้ากับเสื้อผ้า
หลังจากที่พนักงานรายดังกล่าวทำน้ำหกบนโต๊ะ และไหลไปโดนลูกค้า 

            แม้ว่าทางพนักงานจะขอโทษ
และเสนอจะไม่คิดว่าอาหรมื้อนั้น แต่กลุ่มลูกค้ายังไม่ยอมปล่อยพนักงานไป
และเรียกร้องให้จ่ายค่าเสื้อผ้า กางเกง รองเท้า และถุงเท้า
โดยยืนเถียงกันอยู่ที่ร้านเป็นชั่วโมง สุดท้ายพนักงานเลยต้องยอมจ่ายเงิน
780 ดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 3,200 บาท) ชดใช้ค่ารองเท้าให้
ลูกค้ากลุ่มนั้นจึงยอมออกไป 

            โดยระหว่างการโต้เถียง
หญิงเสื้อแดงซึ่งเป้นลูกค้า กล่าวกับพนักงานว่า
“เธอต้องรับผิดชอบถูกต้องไหม” ก่อนจะชี้ไปที่รองเท้าของเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ
และบอกต่อว่า “ดูคราบเหลือง ๆ บนนั้นสิ รองเท้าเป็นสีขาวล้วน
มันเปียกหมดแล้ว แถมยังเปื้อนด้วย

            ระหว่างนั้นพนักงานมีการสอบถามว่ารองเท้าของลูกค้าราคาเท่าไหร่
ซึ่งฝ่ายลูกค้าตอบว่า 780 ดอลลาร์ฮ่องกง ทางพนักงานหญิงจึงตอบว่า “งั้นฉันจะให้คุณ 780 ดอลลาร์นะ โอเคไหม คุณจ่ายบิลไป
เดี๋ยวฉันจะชดใช้ให้เอง”

ภาพจาก Threads ngayeezuky

ภาพจาก Threads ngayeezuky

           “ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรอให้คนมาเรียกร้องค่าเสียหาย
ถ้าคุณทำของคนอื่นเสียหายแล้วทำให้มันกลับคืนสภาพเดิมไม่ได้
พวกเขาจะมาขอให้ชดใช้ ก็สมควรแล้วนี่”

           “การทำเสื้อผ้าคนอื่นเปื้อนมันไม่ฟรีหรอกนะ ชดใช้ก็ถูกแล้วนี่ ถ้ามีคนทำอะไรหกใส่ฉันจนสกปรกจริง ๆ ฉันก็จะขอให้ชดใช้แน่นอน”

ขอบคุณข้อมูลจาก Hk01

          ปูนิ่ม อดีตแม่ค้าดัง แฉอดีต สส. หลอก 4.5 ล้าน แลกช่วยคดี สุดพีคหน้ากากหลอน ที่ใส่ทุกครั้ง สุดท้ายเธอ พ่ายแพ้คดี และถูกจำคุก ซ้ำเมื่อเรียกร้องเงินคืนกลับถูกข่มขู่

จุดเริ่มต้นคดี จากธุรกิจพุ่งแรง แต่ต้องสะดุดเพราะปัญหากฎหมาย

          คุณปูนิ่ม ผู้เสียหาย เล่าว่า ย้อนกลับไปกว่า 10 ปีก่อน เธอโด่งดังในฐานะแม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ธุรกิจของเธอกำลังไปได้สวย กระทั่งวันหนึ่งเธอถูก อย. เข้าตรวจสอบสินค้า และนำไปสู่การมีคดีความในชั้นศาล ช่วงนั้นเธอพยายามหาทางช่วยเหลือตัวเอง จึงติดต่อกับอดีต ส.ส. คนหนึ่งซึ่งอ้างว่าสามารถช่วยวิ่งเต้นเคลียร์คดีให้ เธอตัดสินใจจ่ายเงินให้ถึง 3.5 ล้านบาท แต่สุดท้ายกลับแพ้คดีในชั้นศาลชั้นต้น

          จากนั้น เธอตั้งใจจะสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์ มีคนแนะนำให้รู้จักกับนักธุรกิจคนหนึ่ง ซึ่งอ้างว่ารู้จักกับทีมอัยการและสามารถช่วยให้เรื่องจบลงได้อีกทางหนึ่ง ด้วยความไว้ใจ เธอจึงจ่ายเงินให้อีก 4.5 ล้านบาท รวมแล้วเธอสูญเงินไป 9 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คดีความยังคงเดินหน้าไปตามกระบวนการทางกฎหมาย สุดท้ายเธอแพ้คดี ถูกตัดสินจำคุก และต้องโทษอยู่นานกว่า 1 ปี

          หลังพ้นโทษ เธอจึงออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม โดยโพสต์ว่า “อัยการที่โคราชหลอกเอาเงิน 4 ล้าน บอกว่าจะเคลียร์คดีให้ สุดท้ายพี่ติดคุกไปเป็นปี ควรแฉไหมว่าใครเป็นใคร บางคนขู่ยิงเพราะพี่ไปทวงเงินคืน #โหนกระแส” 

          โพสต์ดังกล่าวมีคนเข้ามาแสดงความเห็นหลายคน หนึ่งในนั้นอ้างว่า “ก็เคยโดนเหมือนกัน” และบอกว่า “ถ้าใช่คนนี้ โดนไป 7 ล้านแล้ว เคยไว้ใจ ให้งานช่วยวิ่งคดี สุดท้ายเสียใจแทบขาดใจ”

เล่าปมถูกอดีต ส.ส. ชื่อดัง หลอกเงิน 4.5 ล้าน อ้างช่วยคดีได้

          คุณปูนิ่ม เล่าว่า เธอเคยถูกดำเนินคดีในปี 2557 ในระหว่างนั้น อดีต สส. คนหนึ่งซึ่งอยู่พื้นที่ใกล้เคียง เสนอตัวเข้าช่วยคดี และขอเงินสดไป 3 ล้านบาท ก่อนจะเรียกเพิ่มอีก 1.5 ล้านบาท รวมเป็น 4.5 ล้านบาท แต่เมื่อถึงชั้นศาล เธอก็ยังแพ้คดี 

          เมื่อคิดจะสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์ เธอได้รับคำแนะนำให้รู้จักกับนักธุรกิจอีกคนที่มีภาพลักษณ์ดี มีธุรกิจหลากหลาย ทั้งโรงเรียนสองภาษาและร้านอาหาร พร้อมอ้างว่ารู้จักกับอัยการและผู้พิพากษา เธอจึงหลงเชื่อ และให้พี่สาวนำเงินสดไปส่งมอบให้ สุดท้ายเสียเงินเพิ่มอีก 4.5 ล้านบาท รวมเป็น 9 ล้านบาท

          หลังพ้นโทษ เธอพยายามติดต่อบุคคลทั้งสองเพื่อขอเงินคืน แต่ติดต่อไม่ได้ จึงออกมาโพสต์เรียกร้องผ่านโซเชียลเพื่อทวงความยุติธรรมให้ตัวเอง พร้อมยอมรับว่า ตอนนี้ยังรู้สึกกลัวเพราะมีการข่มขู่เกิดขึ้นหลังจากที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้

แฉพฤติกรรมสุดแปลก อดีต สส. ใส่หน้ากากทุกครั้ง

          อีกประเด็นที่ คุณปูนิ่ม เปิดเผยในรายการ โหนกระแส คือ พฤติกรรมของอดีต สส. ที่มาเจอเธอในช่วงรับเงินนั้น มีการ “ใส่หน้ากาก” ลักษณะเป็นกระดาษ เอ 4 เจาะเป็น ตา จมูก ปาก โดยให้เหตุผลว่าจะให้มีคนเห็นไม่ได้ เพราะตนเองมีชื่อเสียง หน้าตานั้นเป็นเอกลักษณ์ที่คนจะรู้จักทันที เห็นเขาใส่หน้ากากแบบนี้จนชินตา ยกเว้นในบ้านของเขา

          ตอนนั้น สส.รายนี้ บอกว่า รู้จัก อธิบดีอัยการ ที่เป็นคนที่ทำงานด้วยกัน เขาสามารถช่วยเหลือเราได้ รวมทั้งยังมีการเซ็นเช็คเป็นตัวค้ำประกันไว้กับเธอด้วย จึงหลังเชื่อ โดยเช็คมีอายุ 6 เดือน  เขาเรียกเงินไป 3 ล้านบาทก้อนแรก หลังจากนั้นคดีก็เงียบไปเป็นปี หลังจากที่เธอไปรับทราบข้อกล่าวหา ทำให้หลงเชื่อว่า เงิน 3 ล้านที่จ่ายไปน่าจะช่วยประวิงเวลาอยู่ รวมทั้งเขายังคอยโทร. มาอัปเดตว่า เอาเงินไปมอบให้ ท่านอธิบดี แล้ว อย่าเพิ่งเอาเช็คไปขึ้นเงิน

          ต่อมา อดีต สส. รายนี้ บอกว่า มีการเปลี่ยนแปลงภายใน เปลี่ยนตัวอธิบดี ต้องจ่ายให้ท่านใหม่ 1.5 ล้านบาท เธอก็หลงเชื่อ เอาเงินให้เขาไปอีก แต่สุดท้ายก็ต้องไปขึ้นศาลชั้นต้น ศาลสั่งฟ้องทุกข้อหาเต็ม พิพากษาจำคุก 3 ปี ก่อนที่จะไม่สามารถติดต่อ สส. รายนี้ได้อีก  

ถูกหลอกซ้ำโดยนักธุรกิจ อ้างรู้จักอัยการใหญ่

          หลังจากนั้น เมื่อคดีเข้าสู่ชั้นอุทธรณ์ พี่เขยของแนะนำให้รู้จักกับ นักธุรกิจรายใหญ่ในพื้นที่ เป็นคนที่มีธุรกิจใหญ่ อ้างว่ารู้จักกับอธิบดีอัยการใหญ่ มีทีมทำงานอยู่ที่โคราช เขาช่วยเหลือได้แน่ วันที่ไปขึ้นศาลอุทธรณ์ ให้เตรียมตัวกลับมากินหมูกระทะได้เลย เธอหมดเงินกับคนนี้ไปอีก 4.5 ล้านบาท แต่ต่อมา ศาลพิพากษายืน เธอจึงถูกควบคุมตัวเข้าเรือนจำทันที ซึ่งทางคนที่ดีลให้ก็ยังบอกว่า จะมีการช่วยเหลือ ให้ได้รับการพักโทษ แต่สุดท้ายก็ติดคุกตามขั้นตอนทั้งหมดอยู่ดี

          หลังจากพ้นโทษ เธอพยายามติดต่อบุคคลทั้งสองเพื่อขอเงินคืน แต่ก็ไม่เป็นผล จึงตัดสินใจโพสต์เรื่องราวทั้งหมดลงในโซเชียล เพื่อเตือนภัยและเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเอง พร้อมยอมรับว่าปัจจุบันรู้สึกกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะบุคคลที่เกี่ยวข้องบางรายมีพฤติกรรมข่มขู่ และพยายามกดดันไม่ให้พูดเรื่องนี้ออกสื่อ

ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์

ภาพจาก โหนกระแส

ขอบคุณข้อมูลจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์, โหนกระแส

         เปิดภาพ เจ้าคุณอาชว์ สึกกะทันหัน ก่อนข้ามฝั่งเข้าลาวทันที ไม่เผยสาเหตุ แต่คาดอาจผิดพระวินัยร้ายแรง และอาญาแผ่นดิน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก PhramahaWattana Khamken 

          วันที่ 29 มิถุนายน 2568 พระมหาวัฒนา ปญฺญาทีโป อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก PhramahaWattana Khamken เผยภาพการลาสิขาของ พระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ(ธรรมยุตินิกาย) ที่วัดในจังหวัดหนองคาย เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 มิถุนายน ก่อนเดินทางข้ามไปฝั่ง สปป.ลาว ทันที ซึ่งต่อมามีการรักษาการเจ้าอาวาสใหม่ทันทีเช่นกัน
 
          โดยมีการเปิดเผยว่า หลายฝ่ายสันนิษฐานว่า น่าจะเกี่ยวกับการประพฤติผิดพระธรรมวินัยขั้นร้ายแรง และกฎหมายอาญาแผ่นดิน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก PhramahaWattana Khamken 

          รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า คดีพระฝ่ายมหานิกายมักถูกจับดำเนินคดีได้ เช่นคดี พระพรหมดิลก วัดสามพระยา, พระพรหมสิทธิ์ และคณะวัดสระเกศ, และคดีอดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (ทิดแย้ม) วัดไร่ขิง ส่วนคดีเกี่ยวกับพระผู้ใหญ่สายธรรมยุติ จะปิดเงียบไม่มีข้อมูล และช่วยเหลือกันไม่ให้ถูกจับกุมดำเนินคดี

ภาพจาก เฟซบุ๊ก PhramahaWattana Khamken 

          ทั้งนี้ ต้องรอสำนักงานพระพุทธศาสนาออกมาชี้แจงต่อไป

          ล่าสุด (30 มิถุนายน) ทีมข่าวช่อง 3 เปิดเผยถึงสาเหตุที่เจ้าอาวาสสึก พบว่ามีสาเหตุจากเรื่องผู้หญิงและเรื่องเงิน ซึ่งเรื่องเงินนั้นยังไม่ชัดเจนว่าจำนวนเท่าไหร่ แต่มีหลักฐานเรื่องผู้หญิง ที่มาพูดคุยกับเจ้าอาวาสและมีการแบล็กเมล์ 

          โดยฝ่ายหญิงอายุยังไม่มาก หน้าตาสวย และเป็นไฮโซ นอกจากนี้พบว่าเธอยังมีพฤติกรรมแบบเดียวกันกับพระรูปอื่น ๆ ด้วย ส่วนปมเว็บพนัน เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง 

          แม้ว่าตอนนี้เจ้าอาวาสจะไม่ถูกควบคุมตัวเนื่องจากยังไม่มีคดีความ แต่พฤติกรรมนับว่าผิดวินัยสงฆ์ จึงต้องลาสิขา  

ขอบคุณข้อมูลจาก ch3plus

           ฮือฮา เฮลิคอปเตอร์โปรยเงินแสนกลางฟ้า ตามความปรารถนาสุดท้ายที่ลูก ๆ ทำเพื่อพ่อ หวังแบ่งปันความสุขสู่สังคม

           รายงานเผยว่า โธมัส เจ้าของร้าน Show Room Shine Express เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ด้วยวัย 58 ปี ดังนั้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา ลูกชายทั้ง 2 คนของโธมัสจึงได้จัดหาเฮลิคอปเตอร์มาโปรยเงินสดจำนวน 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 162,000 บาท พร้อมกลีบกุหลาบ ตามความปรารถนาสุดท้ายของโธมัส 

           นอกเหนือจากการเป็นเจ้าของคาร์แคร์ โธมัสยังเป็นนักแข่งรถอาชีพที่มีใบอนุญาตจากสมาคม National Hot Rod Association โดยทางครอบครัวเผยว่าเขาเป็นคนจิตใจดีที่พร้อมทำทุก ๆ สิ่งเพื่อใครก็ตาม และทุกวันนี้เราก็คงไม่ได้พบเจอบุคคลเช่นนี้เท่าไรแล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก Detroit Free Press