เดือน: พฤษภาคม 2025

          เจ้าของร้านสุดนอยด์ ลูกค้าจองโต๊ะแล้วเท ชี้เป็นร้านเล็ก ต้องปิดร้านรอ ทำแบบนี้เสียโอกาส ลั่นใจร้ายมาก ปิดเครื่องหนี ติดต่อไม่ได้ จากวันดี ๆ กลายเป็นวันเศร้า ๆ

          เป็นเรื่องราวที่ชาวเน็ตต่างเห็นใจ หลังจากวานนี้ (12 พฤษภาคม 2568) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Arinchaya Jintakedkarn เจ้าของร้านหมูกระทะในพื้นที่ จ.อุทัยธานี โพสต์คลิปเล่าความรู้สึกเมื่อถูกลูกค้าเท หลังจองโต๊ะไว้ทั้งร้าน แต่สุดท้ายกลับไม่มา และปิดโทรศัพท์ไปไม่สามารถติดต่อได้
 
          โดยเจ้าของร้านเผยว่า วันนี้เป็นวันที่น่ายินดีแต่ก็น่าเศร้ามาก ๆ เพราะมีลูกค้าจองโต๊ะที่ร้านไว้ตอน 18.00 น. จำนวน 5 โต๊ะ โต๊ะละ 5 คน รวมทั้งหมด 25 คน แต่สุดท้ายกลับไม่มีใครมา เธอนั่งรอตั้งแต่ 18.00 น. จนฝนตกก็ยังรอเพราะกลัวลูกค้ามาแล้วไม่ได้กิน แต่สุดท้ายก็ต้องทยอยเก็บร้านไปแบบนอยด์ ๆ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Arinchaya Jintakedkarn 

          เนื่องจากร้านของเธอเป็นร้านเล็ก ๆ
ทำให้เธอต้องปิดร้านเพื่อรอต้อนรับคนกลุ่มนี้ที่โทร. จองไว้
แม้ว่าร้านของเธอจะเป็นร้านหมูกระทะที่ไม่มีอะไรเสียหายนัก
แต่เธอก็ออกไปตลาดใหม่ ซื้อของต่าง ๆ มาเตรียมไว้ร่วม 2,000 บาท
เพราะกลัวว่าลูกค้าจะไม่พอกิน เธอเตรียมน้ำซุป น้ำจิ้ม ทุกอย่างไว้ตั้งแต่
15.00 น.

          แต่ปรากฏว่าตอนโทร.
หาลูกค้าตอน 17.40 น. พบว่าลูกค้าปิดเครื่อง
ไม่สามารถติดต่อได้ไม่ว่าจะโทร. สักกี่สาย เอาเบอร์อื่นโทร. ไปก็ไม่ติด
ด้านร้านข้าง ๆ กับแม่ก็คอยโทร. มาถามตลอด
ที่ผ่านมาก็มีคนเคยเตือนแล้วว่าน่าจะเก็บมัดจำก่อน
การที่ถูกทำแบบนี้เท่ากับเธอก็เสียโอกาส

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Arinchaya Jintakedkarn 

         
ทั้งนี้ เมื่อรู้ว่าลูกค้าไม่มา เธอก็เศร้า ลูกก็เศร้า
เธอจะไม่ขอเรียกคนจองว่าลูกค้าแล้วกัน เพราะเขาอาจเป็นผู้ไม่หวังดีก็ได้
ก็ไม่เป็นไร เราก็สู้กันแต่ แม้เราจะโดนกระทำ
แต่ก็ไม่อยากให้เขาไปทำกับใครอีก มันเสียความรู้สึกมากเลย

         
เธออยากให้คนที่โทร. มาจองไว้แล้วไม่มา ได้เห็นคลิปนี้
และอยากบอกว่าคุณใจร้ายมากเลย ถ้าคุณไม่สะดวกมา หรือจองผิดร้าน
หรืออาจจะมาไม่ถูก แค่โทร. มาก็ได้ แต่อันนี้คือตั้งใจปิดเครื่องตั้งแต่
17.40 น. อย่างไรก็ตาม
เธอต้องขอโทษลูกค้าท่านอื่นที่อยากมาทานแล้วไม่ได้มาด้วย
ในช่วงที่เธอต้องปิดร้านเพื่อรอคนที่จองไว้

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Arinchaya Jintakedkarn 

         
ทั้งนี้ พบว่าในช่วงเวลา 15.11 น. เจ้าของร้านได้โพสต์ด้วยความยินดีว่า
“วันนี้ 6 โมงเย็น ลูกค้าโทร. มาจองโต๊ะ 5 โต๊ะ 25 คน ปิดร้านแล้วจ้า”
แต่ไม่คาดคิดว่าสุดท้ายจะถูกเท
ซึ่งหลังปรากฏข่าวออกไปก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจเจ้าของร้านอย่างล้นหลาม
หลายคนรู้สึกโกรธแทน ขณะที่คนที่เคยเปิดร้านบางคนก็ได้มาเล่าประสบการณ์
โดนลูกค้าเท สั่งของไว้แล้วไม่มาเอา
พร้อมฝากไว้ว่าคราวหลังให้เก็บมัดจำด้วยจะดีกว่า

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Arinchaya Jintakedkarn 

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Arinchaya Jintakedkarn 

           ตั้ม ลพบุรี อดีตสามี จ๊ะโอ๋ งามพริ้ง หัวใจสีชมพู เปิดตัวรักใหม่ น้องทราย คนชื่นชมสุดน่ารัก ดีทุกอย่าง วาสนาพี่ตั้มของแทร่

ภาพจาก TikTok คุณตั้มลพบุรี

           จากประเด็นร้อนที่ ตั้ม อดีตสามีของ จ๊ะโอ๋ งามพริ้ง เคยออกรายการโหนกระแส เล่าความทุกข์ที่ถูกภรรยาซึ่งคบกันมา 15 ปี ขอหย่า ไปคบกับ หนุ่ม กะลา ซึ่งขณะนั้น จ๊ะโอ๋ ได้บอกตั้มว่าไม่รักเขาแล้ว ต่อให้กรีดหัวใจตนออกมาก็ไม่เจอ เพราะหัวใจของตนไปอยู่ที่พี่หนุ่มแล้ว แต่ต่อมากลับปรากฏข่าว จ๊ะโอ๋ เลิก หนุ่ม กะลา เป็นที่เรียบร้อย

อ่านข่าว : ฟังชัด ๆ หนุ่ม กะลา ตอบสถานะ จ๊ะโอ๋ งามพริ้ง ลั่นต้องให้เกียรติเขา เจอถามจี๊ดของขึ้นเลย !

           ล่าสุด (11 พฤษภาคม 2568) ดูเหมือนหัวใจของ ตั้ม ลพบุรี จะกลับมาเป็นสีชมพูอีกครั้ง หลังจากที่เจ้าตัวได้ออกมาไลฟ์ TikTok ในช่วงกลางดึก พร้อมเปิดตัวแฟนใหม่ ท่ามกลางแฟนคลับที่ร่วมคอมเมนต์สนั่น

ภาพจาก เฟซบุ๊ก อีกี้ของแทร่ แอ๊บแอ้แอ๊บแอ้

           โดยเพจ อีกี้ของแทร่ แอ๊บแอ้แอ๊บแอ้ ระบุว่า “ตั้ม ลพบุรี หรือ ตั้ม โหนกระแส อดีตสามีของ CEO จ๊ะโอ๋ งามพริ้ง อดีตแฟนสาว หนุ่ม กะลา เปิดตัวแฟนใหม่ในไลฟ์ TikTok เมื่อกลางดึก วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2568

            แฟนคลับแห่ชื่นชมว่า “น่ารัก, ดูดี, มีชาติตระกูล, รักกันนาน ๆ, เหมือนมาเฟียกับคุณหมอ และแสดงความยินดี” ปล. ก็ขอแสดงความยินดีด้วย “Congratulations””

           โดยทางเพจยังเผยข้อมูลแฟนใหม่ของ
ตั้ม ลพบุรี เพิ่มเติมว่า ชื่อน้องทราย อารยา
มีบ้านริมน้ำติดแม่น้ำเจ้าพระยา มีเรือด้วย เรียกว่าเป็นวาสนาพี่ตั้มเค้า
น้องผู้หญิงดีทุกอย่าง แม้ทั้งคู่จะไลฟ์กันช่วงตี 2 แต่มีคนดูเยอะมาก

ภาพจาก TikTok คุณตั้มลพบุรี

           ด้านชาวเน็ตต่างเข้ามาชื่นชมความน่ารักของน้องทราย
โดยบางคนบอกว่าทั้งคู่เพิ่งมีไลฟ์เปิดตัวไปก่อนหน้านี้
ซึ่งน้องผู้หญิงเองน่ารักมาก โก๊ะ ๆ และยังเขิน ทำตัวไม่ถูก
คนดูก็ดูกันเพลินทีเดียว

          ลูกสาวตามหาพ่อ หลังแม่เริ่มป่วยหวั่นกระทบเรียนมหาลัย พบพ่อเป็นนายตำรวจยศ พ.ต.อ. แต่ถูกปฏิเสธไร้เยื่อใย ล่าสุดแม่ทรุดป่วยหนักเข้า ICU

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Nahmkhing Thanyatorn

          จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง เปิดเผยเรื่องราวชวนสะเทือนใจ หลังมีน้องผู้หญิงคนหนึ่ง เติบโตมาโดยมีคุณแม่เลี้ยงดูมาคนเดียว น้องเป็นคนขยันและตั้งใจเรียน มีความฝันว่าอยากจะเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งไม่นานนี้น้องเพิ่งทราบความจริงว่าคุณพ่อเป็นนายตำรวจยศ พ.ต.อ. มีตำแหน่ง มีชื่อเสียงที่ดี แต่เมื่อน้องติดต่อไป พ่อแท้ ๆ กลับถามว่า มาทำไม โดยจะไม่ขอส่งเสีย ให้ไปหาทุนเอง พร้อมกำชับว่าไม่ต้องมาหาที่ทำงานอีก อยากโฟกัสที่เลื่อนตำแหน่ง ไม่อยากมีเรื่อง ก่อนจะตัดการติดต่อทุกช่องทางนั้น

          วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nahmkhing Thanyatorn เจ้าของร้านอาหาร ออกมาขอความช่วยเหลือให้กับ น้องหนู ลูกสาวของพี่พนักงานที่ร้านของเธอ ภายหลังแม่น้องเริ่มป่วยไม่สามารถทำงานหนักได้เหมือนเดิมได้แล้ว น้องจึงลำบากมาก หวังหาแสงสว่างสุดท้ายคือพ่อแท้ ๆ แต่กลับถูกผลักใสเป็นหมูเป็นหมากลับมา

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Nahmkhing Thanyatorn

          หลังจากวันนั้นที่น้องโดนไล่กลับมา คุณแม่ของน้องก็เริ่มมีอาการเหม่อลอย นั่งมองกำแพง เดินบ้าง คลานบ้าง นั่งอ้าปากค้างตลอดเวลา ไม่พูดไม่จา จนน้องหนูต้องอาบน้ำให้ แปรงฟันให้แม่ เธอก็คิดไปว่าคุณแม่อยู่ในอาการผิดหวังสุดขีด น่าจะซึมเศร้าขั้นสุด เดี๋ยวเวลาผ่านไป ก็คงจะดีขึ้นเอง ซึ่งทุกคนในร้านเห็นก็ยิ่งรู้สึกสงสารน้องหนูมากขึ้นไปอีก เพราะแค่ลำพังทำงานน้องหาเงินไว้เรียน ก็เลือดตาจะกระเด็นแล้ว แม่น้องยังมามีอาการแบบนี้อีก อาการเหมือนคนผีเข้า จนพนักงานในร้านบอกว่าจะพาคุณแม่น้องไปรดน้ำมนต์ไล่ผี

          เธอเองก็เผลอหงุดหงิดใส่คุณแม่น้องไปหลายรอบด้วยความไม่เข้าใจ ว่าทำไมคุณแม่ไม่ยอมทำอะไรเลย ไม่มีรายได้ ปล่อยให้ลูกลำบากหาเงินไม่พอ ต้องมาตามป้อนข้าวแม่อีก พอเห็นอาการคุณแม่เริ่มเป็นเอามาก พวกเราเลยคิดว่าควรส่งคุณแม่ไปตรวจจิตที่โรงพยาบาล ปรากฎว่า หมอวินิจฉัยว่าคุณแม่มีอาการเครียด และให้ยาคลายเครียดกลับมากิน แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น คุณแม่เริ่มทำอาการแปลก ๆ อยู่ดี ๆ ก็คลานบ้าง อ้าปากน้ำลายหยดบ้าง น้องหนูร้องไห้ทุกวันเลย เครียด ไม่รู้ต้องรับมือกับอาการของแม่ยังไง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Nahmkhing Thanyatorn

          จนถึงจุดที่พวกเราคิดว่าอาการมันหนักเกินไปแล้ว
เลยติดต่อนักสังคมสงเคราะห์ ซึ่งเขาแนะนำให้ไปศูนย์จิตเวชใหญ่
และส่งรถพยาบาลมารับ ซึ่งมีน้องหนูนั่งไปด้วย พอไปถึงโรงพยาบาล
พอคุณหมอจับทำ CT แล้วเจอเนื้องอกในสมอง ก็บอกว่าอาการทางจิตที่เจอ
น่าจะมาจากเนื้องอก ซึ่งคนโพสต์บอกเลยว่าเธอเสียใจมากที่เคยคิดว่า
แกจงใจนั่งเหม่อเพื่ออยากให้ลูกสนใจเยอะ ๆ แต่ตอนนี้คุณแม่น้องอยู่ ICU
โดยใช้สิทธิบัตรทองอยู่

          ในการรักษาคนไข้ทางสมองจะต้องได้รับการเซ็นยินยอมจากญาติ
ซึ่งน้องหนูไม่สามารถเซ็นได้ เพราะอายุไม่ถึง และไม่มีญาติที่ติดต่อได้เลย
ตอนนี้น้องหนูนั่งร้องไห้อยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียว สงสารจับใจ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Nahmkhing Thanyatorn

          พวกเราไปขออ้อนวอนจนมีคนสามารถเซ็นเรื่องของการฉีดสีรักษาเบื้องต้นไปได้แล้ว
แต่ถ้าเป็นการตัดสินใจใหญ่ ๆ ต้องได้รับการตัดสินใจเป็นญาติเท่านั้น
ซึ่งไม่รู้จะไปหาญาติแกได้ที่ไหน ตอนนี้มืดแปดด้าน
มีใครมีวิธีแนะนำให้คุณแม่น้องได้รับการรักษา หรือมีใครรู้จักญาติ ๆ
ของคุณแม่น้องบ้างไหม พวกเรากำลังต่อสู้เพื่อน้องหนูอย่างถึงที่สุด

          จากเหตุการณ์ดังกล่าว
สร้างความเศร้าใจให้กับผู้ที่ติดตามเรื่องราวของ
น้องผู้หญิงที่ออกตามหาพ่อ พ.ต.อ. โดยตั้งคำถามว่าแม้จะไม่ได้เลี้ยงดูมา
แต่ก็ควรจะมีน้ำใจช่วยเหลือในฐานะพ่อหรือไม่
ขณะเดียวกันหลายคนต่างส่งกำลังใจให้น้องและคุณแม่ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยดี

          ผอ. มือลั่นแรง โพสต์ภาพคอลสาวอาบน้ำ ลงแชต รร. รีบลบแต่ไม่ทัน กลายเป็นไวรัลฉาว ชี้คนในภาพคือเมียเพื่อน อ้างเพื่อนทะเลาะเมีย เลยขอให้โทร. คุยแทน

          วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์ SOHA รายงานกรณีฉาวในแวดวงการศึกษาของเวียดนาม หลังปรากฏภาพหลุดของ ผอ.โรงเรียนมัธยมต้น ขณะกำลังวิดีโอคอลกับหญิงที่กำลังกายอาบน้ำ ถูกแชร์ต่อไปทั่วโลกออนไลน์ โดยพบว่าสาเหตุที่ภาพนี้หลุดมา เป็นเพราะตัว ผอ. มือลั่นโพสต์ลงมาในกลุ่มแชตของครูที่โรงเรียนด้วยตัวเอง ซึ่งแม้เจ้าตัวจะลบภาพในเวลาเพียง 1 นาที แต่ก็ไม่ทันกาล

          จากภาพที่โพสต์ลงกลุ่มแชต เผยให้เห็นหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในสภาพเปลือยกายทั้งตัว นั่งอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ ขณะที่มุมด้านบนของภาพนั้น กล้องจับภาพใบหน้าของ ผอ. อยู่ ในลักษณะเหมือนทั้งคู่กำลังวิดีโอคอลคุยกัน

          โดยเมื่อเรื่องถูกเผยแพร่ออกไป ชายวัย 49 ปี ผอ.โรงเรียนมัธยมต้น
ในพื้นที่ อ.ภูเทียน จ.ซาลาย ของเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้โพสต์ภาพดังกล่าว
ออกมาเปิดเผยว่า ตนได้ชี้แจงเรื่องนี้กับสำนักงานการศึกษาในพื้นที่แล้ว
หญิงที่อยู่ในภาพนั้นเป็นภรรยาของเพื่อน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่เพื่อนทะเลาะกับภรรยา ไม่ยอมคุยกัน
สุดท้ายเพื่อนจึงมาขอให้ ผอ. ช่วยโทรศัพท์ไปไกล่เกลี่ยกับภรรยาให้แทน

         
ผอ. อ้างว่า ในวันที่ 24 เมษายน ตนจึงเป็นฝ่ายโทรศัพท์หาภรรยาเพื่อน
แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายกดรับตอนกำลังอาบน้ำ เขาจึงแคปภาพหน้าจอเก็บไว้
ตั้งใจจะส่งกลับไปให้เพื่อนที่เป็นสามีของฝ่ายหญิงดู
แต่กลับพลาดไปส่งเข้ากลุ่มแชตของโรงเรียน ซึ่งมีสมาชิกอยู่ 27 คน

ภาพจาก Tienphong

          ทั้งนี้
เมื่อรู้ตัวเขาก็รีบกดลบภาพดังกล่าวภายใน 1 นาที
พร้อมกับนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปเล่าให้เพื่อนฟังแล้ว ผอ.
ย้ำว่าเขาไม่ได้เจตนาทำให้ใครเสื่อมเสียชื่อเสียง
ขอยืนยันว่าเขารู้จักกับเพื่อนที่เป็นสามีของหญิงในภาพเท่านั้น
ส่วนหญิงคนนี้ พวกเขาไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว
แต่เขาก็ไม่เข้าใจถึงเจตนาหรือเหตุผลที่เธอกดรับสายขณะอาบน้ำอยู่ในเช่นกัน

         
ด้านหัวหน้าของหน่วยงานการศึกษาในพื้นที่ เปิดเผยว่า
ได้มีคำสั่งไปยังคณะกรรมการตรวจสอบ
ให้เข้าตรวจสอบและชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้แล้ว รวมถึงให้ ผอ.
ชี้แจงความสัมพันธ์กับหญิงในภาพ โดยจะมีรายการผลการตรวจสอบต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก SOHA

           เพจดังแฉ ครอบครัวสุดเสื่อม แม่วัย 34 ปี มีลูก 9 คน ทั้งบ้านร่วมกันทำคลิปลงขายในกลุ่มลับ ซ้ำใครต่อว่าเจอขู่ฟ้อง

           วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 เพจเฟซบุ๊ก ท่านเปา โพสต์เรื่องราวชวนตกใจกับพฤติกรรมของครอบครัวหนึ่งที่มีการถ่ายคลิปอนาจาร ซ้ำแม่ยังให้ลูก ๆ หลายคนร่วมกันทำคลิปลับขายในกลุ่มอีกด้วย

           เพจระบุว่า “มีครอบครัวหนึ่งแม่อายุ 34 ปี มีลูก 9 คน คนเล็กอายุ 10 ขวบ ทั้งบ้านพี่น้องเปิดกลุ่มลับช่วยกันทำคลิปขายกันสุดฤทธิ์..เริ่ด

          ล่าสุด พม.น่าน ลงพื้นที่แต่ก็ช่วยไม่ได้ ครอบครัวนี้ยังทำแบบเดิมอยู่แถมยังปากแซ่บเวลามีคนไปเตือนให้หยุดพฤติกรรม รวมถึงจะไล่ฟ้องคนที่ออกมาแฉหรือต่อว่า กูย่าน ฝากหน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบอีกครั้ง

          นอกจากนี้ เพจยังเผยรายละเอียดชวนตกใจเพิ่มเติมว่า แม่ 34 ปี มีลูกทั้งหมด 9 คน ทั้งบ้านร่วมกันทำคลิปลงขายในกลุ่ม

          คนที่ 1 อายุ 21 ปี (ทำคลิป)
          คนที่ 2  อายุ 18 ปี (ทำคลิป)
          คนที่ 3  อายุ 17 ปี (ทำคลิป)
          คนที่ 4  อายุ 15 ปี (ทำคลิป)
          คนที่ 5  อายุ 12 ปี (ทำคลิป)
          คนที่ 6  อายุ 11 ปี
          คนที่ 7  อายุ 10 ปี (ทำคลิป)
          คนที่ 8  อายุ 7 ขวบ
          คนที่ 9  อายุ 2 ขวบ

           ทั้งนี้
หลังจากเรื่องราวนี้ถูกโพสต์ออกไป ต่างสร้างความตกใจให้กับชาวเน็ต
มองว่าเป็นอะไรที่เสื่อมทราม นอกจากนี้ยังอาจเข้าข่ายค้ามนุษย์หรือไม่
อยากให้หน่วยงานเข้าไปช่วยเหลือเด็ก ๆ ในบ้านนี้ด้วย

          อดีต พนง. แฉคลินิกเสริมความงามในเชียงใหม่ ขวดโบท็อกซ์แตก ยังเก็บมาฉีดให้ลูกค้า ข่มขู่กดขี่ พนง. จนลาออกกันทุกเดือน พบให้คนที่ไม่ใช่หมอใช้เครื่องมือแพทย์

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 เพจ ท่านเปา ออกมาแฉเรื่องราวของคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของกิจการมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายหลายอย่าง พร้อมเปิดภาพตู้เย็นที่ใช้เก็บยา ซึ่งมีการจัดวางอย่างไม่เป็นระเบียบ บางจุดพบว่ามีขวดในลักษณะเปิดใช้แล้วเก็บรวมอยู่ด้วย

          โดยระบุว่า คลินิกทำสวยกลางเมืองเชียงใหม่สร้างเรื่อง “ขวดโบแตกตกพื้น ดูดกลับมาฉีดให้ลูกค้า พนักงานทำยอดไม่ถึงไล่ให้ไปตุย ทุกอย่างในร้านคือของปลอม”

          เรื่องที่เกิดขึ้นได้รับการร้องเรียนจากอดีตพนักงานของคลินิกเสริมความงามดังกล่าว เพื่อให้ช่วยตรวจสอบและเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบกว่า 100 ราย

          – เจ้าของคลินิกใช้ถ้อยคำข่มขู่พนักงานในที่ทำงาน ทั้งต่อหน้าและผ่านข้อความไลน์

          – มีการส่งภาพที่ไม่เหมาะสมให้กับพนักงานผ่านช่องทางส่วนตัว รวมทั้งขู่ว่าจะไม่จ่ายเงินเดือนหากพนักงานไม่ทำยอดขายตามเป้า

          – บังคับไม่ให้กลับบ้านแม้จะล่วงเลยเวลางานมาหลายชั่วโมงจนกว่าจะทำยอดได้

          – ไม่มีการจ่ายค่าคอมมิชชั่นตามที่ได้ตกลงไว้

 
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

         – เมื่อพนักงานขอแจ้งลาออกอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ก็ไม่ยอมคืนเงินค่าประกันงานที่หักไว้

         
– มีการโทร. ข่มขู่ทางบ้านของพนักงานที่ลาออก โดยชอบใช้คำว่า ลูกของท่าน
หลานของท่าน เพื่อนของท่าน ทำบริษัทเสียหายหลายล้านบาท
พร้อมขู่จะดำเนินคดีตามกฎหมายหากทำให้คลินิกเสื่อมเสียชื่อเสีย

          – มีการหักเงินประกันสังคมจากเงินเดือนแต่ไม่ได้นำส่งตามสิทธิของพนักงาน

         
– พนักงานจำนวนมากไม่สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมนี้ได้ รวมถึงการกดดัน
บี้ยอดขาย ทำให้มีการลาออกเป็นประจำบางครั้งทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน

         
–
พฤติกรรมดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและความมั่นคงในชีวิตของพนักงานจำนวนมาก
จึงอยากให้ช่วยตรวจสอบและสะท้อนปัญหานี้สู่สาธารณะ
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกับผู้เสียหายรายอื่นต่อไป

          – มีการใช้เครื่องมือแพทย์โดยคนทำที่ไม่ใช่หมอ

          – การแขวนป้ายชื่อหมอโดยที่ไม่ได้มีหมอคนนั้นประจำอยู่ในคลินิกและไม่ใช่หมอเฉพาะทาง

          ทางเพจยังระบุว่า “ไม่ใช่แต่ที่เชียงใหม่ครับ ยังมีอีกเยอะมากที่เป็นแบบนี้”
 

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ท่านเปา

          เดินอยู่ที่จอดรถชั้นใต้ดิน จู่ ๆ เห็นรถ SUV ขยับเป็นจังหวะ แถมมีเสียงหญิงกรีดร้องลอยมา ควรเข้าไปช่วยดีไหม

ภาพจาก Weibo

          วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์ Mirror Media รายงานว่า โลกอินเทอร์เน็ตจีนกำลังแชร์คลิปซึ่งเป็นไวรัล เผยเสียงกรีดร้องปริศนาของผู้หญิงในลานจอดรถ แต่ต้นตอของเสียงนั้นดูเหมือนจะไม่ได้เป็นการขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด งานนี้จึงไม่มั่นใจว่าควรเข้าไปช่วยดีหรือไม่

          คลิปดังกล่าวมีความยาว 27 วินาที
เผยให้เห็นภาพของที่จอดรถใต้ดินในตึกแห่งหนึ่ง สังเกตว่ารถ SUV
สีดำคันหนึ่งจอดอยู่ แต่รถกลับสั่นเป็นจังหวะ เมื่อลองฟังดี ๆ
จะได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องเล็ดลอดมาจากรถคันดังกล่าว
โดยเจ้าของคลิปเหมือนจะค่อย ๆ เดินไปสำรวจ
แต่ยังไม่ทันได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นคลิปปก็ตัดไปเสียก่อน

ภาพจาก Weibo

          หลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่ไป
ปรากฏว่าชาวเน็ตต่างแห่คาดเดาที่มีกันไปต่าง ๆ นานา
โดยบางส่วนถึงกับถามว่า ทำไมไม่ยอมไปช่วยเหลือหญิงที่กรีดร้อง
เธออาจจะกำลังถูกทำร้ายก็ได้ บ้างก็จินตนาการไปไกลจนไม่กล้าดูจนจบเลยก็มี

          นอกจากนี้
ชาวเน็ตบางส่วนยังคาดเดาสุดพีคว่า
ถ้าสามีของหญิงสาวได้รู้เขาน่าจะช่วยเหลือได้
บ้างก็เชื่อว่าต่อให้ไปถ่ายใกล้กว่านี้ คนในรถก็ไม่น่าจะรู้ตัว
เพราะสองคนน่าจะกำลังโฟกัสกับเรื่องอื่นอยู่ เป็นต้น

ภาพจาก Weibo

ขอบคุณข้อมูลจาก Mirror Media

          หนุ่ม กรรชัย แจงปมฟ้อง เบียร์ ภัสรนันท์ จบที่ศาลดีที่สุด ย้ำไม่เคยติดใจน้อง แต่อย่าล้ำเส้น ชี้ประเด็นดราม่าโวยทีมงาน อยากให้เข้าใจ ถ้ามีอะไร ใครที่โดนฟ้อง

          จากกรณีของ หนุ่ม กรรชัย  ซึ่งมีประเด็นฟ้องนักร้องสาว เบียร์ ภัสรนันท์ หรือ เบียร์ เดอะวอยซ์ นั้น ล่าสุด (9 พฤษภาคม 2568) หนุ่ม กรรชัย เปิดใจว่า จริง ๆ ตนไม่อยากฟ้องร้องใคร โดยเฉพาะคนในวงการบันเทิง พอเป็นเรื่องนี้มันดูไม่เหมาะไม่ควร มีการเข้าใจบางเรื่องไปเอง พยายามชี้แจงหลายครั้งแต่ไม่จบสักที จำต้องมีคนกลางมาตัดสินเพื่อให้เรื่องจบ ซึ่งตนคิดว่าศาลน่าจะดีที่สุด

          ก่อนหน้านี้ที่มีคนกลางช่วยสื่อสารกับคู่กรณีให้ ตนไม่แน่ใจว่าสารส่งไปถึงปลายทางอย่างไร แต่ตนไม่ได้มีเจตนาร้าย และแน่นอนว่าไม่ได้มีการขอโทษ ยืนยันว่าตนไม่ได้บังคับหรือข่มขู่ใครให้ทำอะไร มองว่าคำพูดเหล่านี้เป็นการกล่าวหาตนไปนิดนึง

          ปกติก็ชอบเไกล่เกลี่ยหลังบ้าน เพราะไปศาลคงเหนื่อย ไม่คิดว่าจะต้องใช้วิธีนี้ หลังจากที่ฟ้องไปก็ไม่ได้มีการติดต่ออะไรกัน คงต้องไปดูที่ศาล ถ้าจบไม่ได้ก็คุยไปตามกระบวนการ

          ทั้งนี้ ด้วยอายุของตนเป็นรุ่นพี่ สิ่งไหนที่น้องอยากจะคุยก็ยินดี มันไม่ได้มีอะไร เรื่องนี้แค่ต้องปรับและคุยกัน ถ้าเขาจะฟ้องกลับก็เป็นสิทธิ์ของเขา ตนแค่ปกป้องสิทธิ์ของตนในคำพูดบางคำที่มันหมิ่นประมาทและกล่าวหา ศาลก็จะมีหมายศาลเพื่อเรียกตัวไปให้ข้อมูล เพราะคนกลางก็คงจะลำบากใจที่จะไปเข้าข้างฝั่งใดฝั่งหนึ่ง

          หนุ่ม กรรชัย ยังชี้แจงความสัมพันธ์กับ เบียร์ เดอะวอยซ์ ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักน้อง ไม่เคยเจอกัน ไม่เคยทำงานร่วมกัน แต่รู้ว่าเขาเป็นใคร ซึ่งนัดแรกตนจะไปไต่สวนกับศาลในเดือนกรกฎาคมนี้ แต่หากฟ้องแล้วอีกฝ่ายยังโต้ตอบอยู่ ตนก็รู้สึกเฉย ๆ มาก ไม่เป็นไร แล้วแต่ตัวอีกฝ่าย ไม่ได้โกรธหรืออะไรเลย เพียงแค่อย่ากล่าวหา อย่าล้ำเส้นเกินไป

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Bizcuitbeer

แจงปมวีนทีมงานโหนกระแส ลั่นถ้าโดนฟ้อง ตัวเองที่โดน

         
ส่วนปมวีนทีมงานในรายการโหนกระแสหลายรอบ
ทั้งเรื่องขึ้นภาพผิดหรือไม่ได้เบลอภาพนั้น ตนอยากให้เข้าใจว่าตนเหนื่อย
เหมือนทำงานอยู่คนเดียว ทีมงานต้องช่วยซัพพอร์ต
เพราะทำรายการสดมันคัตออกไม่ได้ มันเหมือนงานในครัวที่รอเครื่องปรุง
แต่เครื่องปรุงยังไม่มา

          ทีมงานรู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะทำอะไร
หากเรียกภาพก็ต้องเสิร์ฟ มันรอไม่ได้เพราะคนดูรายการอยู่
สุดท้ายต้องทำงานร่วมกันให้ได้ อีกอย่างการเบลอภาพเพื่อเคารพสิทธิของเขา
เพราะเวลาโดนฟ้อง คนที่โดนฟ้องคือตนไม่ใช่ทีมงาน
ตนก็ไม่ได้คิดอะไรมากหากมีคนบอกว่าวีนเพราะวัยทอง
เพราะมันเป็นเรื่องปกติของตน เชื่อว่าพิธีกรคนดัง พุทธ อภิวรรณ
เป็นมากกว่าตนอีก

          หนุ่ม กรรชัย กล่าวต่อว่า
ต้องขอโทษทุกคนด้วย แต่บางครั้งวิธีการทำงานมันแย่จริง ๆ
เพราะอยากให้ทีมงานมันพร้อม เรื่องจะได้กระชับ คนดูจะได้ไม่ต้องนั่งรอ
และไม่ได้ล้ำเส้นคนอื่น ไม่นอยด์ที่หลายคนมองตนแบบนั้น
แต่สิ่งที่รู้สึกแย่กว่านั้นคือการเบลมเหยื่อหรือกล่าวโทษเหยื่อ
ถ้าตนเห็นคอมเมนต์แบบนั้นก็บล็อกจริง

ขอบคุณข้อมูลจาก NineEntertain