KUBET-ข่าว สาระ บันเทิง วาไรตี้

          คลิปไวรัล สาวลูกครึ่งอังกฤษ-ไทย ถามว่ากระเป๋าของแม่ใบไหน แม่ตอบมาไม่เข้าใจ แต่เดินไปเห็นรู้เลย ถึงกับขำลั่น

          โดยในคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่า แคซและคุณแม่อยู่ด้วยกันที่สนามบิน โดยเธอได้ถามแม่ว่า กระเป๋าใบไหนเป็นของแม่ ก่อนที่แม่ของเธอจะตอบมาเป็นภาษาไทยว่า “ใบที่ห่อด้วยผัดกะเพรา” ตอนนั้นที่เธอได้ยินก็ไม่ได้ตอบอะไรไป เพราะรู้สึกสับสนมากไม่แน่ใจว่าเธอจะเข้าใจถูกต้องไหม แต่สุดท้ายเมื่อเธอเดินไปเห็นกระเป๋าก็รู้ได้ทันทีว่า กระเป๋าใบไหนคือกระเป๋าของแม่เธอ

          แคซถึงกับหัวเราะลั่น เมื่อเห็นว่ากระเป๋าเดินทางของแม่ห่อมาในผ้าคลุมรูปผัดกะเพราจริง ๆ ส่วนอีกด้านเป็นไข่ดาว และที่น่าประหลาดใจยิ่งไปกว่านั้นคือ แม่ของเธอเล่าอย่างภูมิใจว่า แม่เป็นคนทำอาหารผัดกะเพราไข่ดาวที่เห็นนี้เอง ก่อนที่จะถ่ายภาพแล้วนำไปสั่งทำเป็นผ้าคลุมกระเป๋าเดินทาง ซึ่งคุณแม่ไม่เข้าใจว่ามันน่าตลกตรงไหน ส่วนทางลูกสาวนั้นขำจนแทบจะหายใจไม่ทัน

          คลิปกระเป๋าเดินทางอันมีเอกลักษณ์ของคุณแม่แคซดึงดูดความสนใจของหลายคน มีผู้เข้าไปชมมากกว่า 1 ล้านครั้ง และกดถูกใจมากกว่า 1 แสนครั้ง รวมทั้งคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นมีทั้งชื่นชมความครีเอตของคุณแม่ บางคนก็บอกว่าเห็นแล้วหิว อยากกินขึ้นมาเลยทีเดียว แม้บางคนจะไม่รู้ว่ามันคือเมนูอะไร แต่ดูจากภาพแล้วน่ากินมาก

          “เคยกินเมนูผัดกะเพราไข่ดาวที่ประเทศไทยแล้วอร่อยมาก”
          “กระเป๋าใบนี้คือจิตวิญญาณของอาหารไทย”
          “เห็นแล้วหิวเลย ฉันสามารถสั่งได้ที่ไหนบ้าง”
          “ฉันรู้จัก ฉันเคยกินเมนูนี้ เผ็ดมาก ฮ่า ๆ”
          “ไอเดียเลิศมาก ฉันไม่รู้ว่ามันคือเมนูอะไร แต่มันดูน่าอร่อยมาก”
          “แม่ของคุณคงชอบผัดกระเพราไข่ดาวมาก”
          “น่ารักมาก ตอนนี้คุณแม่ได้โปรโมทผัดกระเพราะไข่ดาวไปทั่วแล้ว

ภาพจาก TikTok @kazcrossley

          เปิดที่เที่ยวมิติใหม่ เตียงนอนหน้าผาสูง 1,600 เมตร เน้นฝึกความแข็งแกร่งทางจิตใจ พักผ่อนให้ลืมโลกภายนอกที่วุ่นวาย เหมือนได้ขึ้นสวรรค์

          วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์ Hk01 เผยว่า ในช่วงวันแรงงาน ซึ่งเป็นเทศกาลวันหยุดยาวของจีน มีสถานที่ท่องเที่ยวเปิดตัวใหม่แหน่งหนึ่ง ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง จนกลายเป็นกระแสร้อนแรงบนโซเชียลมีเดียของจีน โดยสถานที่นี้เรียกว่า “เตียงนอนหน้าผา” ที่ยกเตียงขึ้นไปอยู่บนหน้าผาที่มีความสูงถึง 1,600 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล

          สถานที่เที่ยวแห่งนี้อยู่ที่จุดชมวิวหวู่จื้อเฟิง ในอุทยานเขาหม่างซาน เมืองเฉินโจว มณฑลหูหนาน ประเทศจีน ซึ่งมีเส้นทางเดินริมผาที่หวาดเสียวและมีทิวทัศน์สวยงาม จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่รับความนิยม แต่ตรงจุดที่เป็นเตียงนอนหน้าผานั้น เป็นโครงการใหม่ที่น่าตื่นเต้นที่เพิ่งเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยว เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา

          โดยเตียงนอนจะถูกยึดติดกับริมหน้าผาสูง ลักษณะคล้ายกับระเบียงยื่นออกไป บนเตียงมีหมอนและผ้าห่มให้พร้อม นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปพักผ่อนชมวิวได้แบบรอบทิศทาง รวมถึงถ่ายรูปเซลฟี่ในท่านอนได้ โดยจะมีเชือกนิรภัยติดอยู่ที่ขาเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่บริเวณจุดชมวิวแจ้งว่า เตียงเหล่านี้มีไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปและเช็กอินเท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับนอนค้างคืน

          ทั้งนี้ มีข้อจำกัดสำหรับนักท่องเที่ยว ผู้ที่จะขึ้นไปจะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 100 กิโลกรัม ส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 140 เซนติเมตร และอายุไม่เกิน 60 ปี โดยก่อนขึ้นไปตรงจุดนั้นด้วยกระเช้าลอยฟ้า นักท่องเที่ยวจะต้องกรอกแบบฟอร์มระบุน้ำหนัก อายุ มีโรคประจำตัวหรือไม่ และต้องสวมเชือกนิรภัยตลอดการเดินทาง

          ค่าใช้จ่ายสำหรับการขึ้นไปสัมผัสประสบการณ์สุดท้าทายนี้อยู่ที่ 98 หยวน (ราว 445 บาท) โดยจะได้รับกาแฟฟรี 1 แก้ว ซึ่งหากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ก็อาจจะต้องรอต่อคิว โดยเจ้าหน้าที่เผยว่า เมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่มีน้อยคนนักคนที่จะกล้าขึ้นไปจริง ๆ  

          อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานที่เช็กอินใหม่นี้จะดูหวาดเสียวชวนใจสั่น แต่ความจริงแล้วไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่จินตนาการ โดยทางสถานที่มีมาตรการด้านความปลอดภัย และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยตลอด ทั้งนี้ แม้ว่าหน้าผาแห่งนี้จะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,600 เมตร แต่ความสูงเหนือระดับพื้นดินอยู่ที่ประมาณ 100 เมตร

          โดยเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา บัญชีอย่างเป็นทางการของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ได้ไลฟ์ถ่ายทอดสดโปรโมทเตียงหน้าผา โดยให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปนั่งเล่นบนนั้น ซึ่งได้รับความสนใจมีผู้เข้าไปชมกว่าหลายพัน พร้อมแสดงความคิดเห็นหลากหลาย

          “น่าหวาดเสียว มีใครกล้าขึ้นไปจริงไหม ?
          “แค่เห็นก็ขาอ่อนแรง”
          “น่าตื่นเต้น อยากไปลองอะไรใหม่ ๆ”
          “การนอนแบบลืมโลก ให้ฟีลเหมือนได้ขึ้นสวรรค์”
          “เปิดประสบการณ์ใหม่ พักผ่อนแต่ท้าทายในเวลาเดียวกัน”  

ภาพจาก Weibo

ขอบคุณข้อมูลจาก Hk01, NetEase

          เปิดผลสอบ คนไข้ถูกปูนสะพานพระราม 2 หล่นทับ รพ. เอกชนแรกยอมรับ ให้เลือดผิดจริง ชี้เพราะเลือดกรุ๊ป O หมด แต่กลับให้ A แทน B

ภาพจาก ฝ่ายอาสาสมัคร มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร

          จากกรณีที่ก้อนปูนตกใส่รถบริเวณถนนพระราม 2 จนคนขับได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลฉีกขาดใต้คาง หน้าอกกับแขนซ้ายมีรอยถลอก ช้ำ จากการถูกกระแทก ได้รับบาดเจ็บสาหัสตับฉีกและเลือดออกในช่องท้อง จนต้องผ่าตัด 2 รอบก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งมีกระแสข่าวด้วยว่าทางโรงพยาบาลให้เลือดผิดกรุ๊ปกับผู้ป่วยรายนี้ด้วยนั้น

          วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า ดร.ธนกฤต จิตอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการที่ทีม สสจ.สมุทรสาคร ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้รายงานกลับมาว่า ทาง โรงพยาบาลยอมรับ ให้เลือดผิดกรุ๊ปจริง โดยมีไทม์ไลน์การรักษาดังนี้

ภาพจาก ฝ่ายอาสาสมัคร มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร

          หลังเกิดเหตุแผ่นปูนตกลงมาโดนหน้าอก และตับ
ส่งผลให้ตับฉีกขาดรุนแรง ส่งผลให้คนไข้เสียเลือดมาก
เมื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเอกชนแรก ประเมินแล้วว่าต้องมีการผ่า
และจากการเสียเลือดมากต้องให้เลือดอย่างเร่งด่วน
ซึ่งตามหลักการต้องให้เลือดกรุ๊ป O แต่ ณ ตอนนั้นเลือดกรุ๊ป O
ของโรงพยาบาลไม่มี จากนั้นจึงใช้วิธีตรวจจากห้องแล็บว่าคนไข้มีเลือดกรุ๊ปใด
พอนำไปตรวจ พบว่าเลือดเป็นกรุ๊ป A

          พอเป็นเลือดกรุ๊ป A
จึงสั่งเจ้าหน้าที่นำเลือดกรุ๊ป A ไปให้คนไข้ ก่อนจะมาทราบในภายหลังว่า
เลือดของคนไข้ที่ตรวจในตอนแรกที่ผลออกมาว่าเป็นกรุ๊ป A แท้จริงแล้ว
เป็นเลือดกรุ๊ป B ซึ่งคนไข้มีเลือดกรุ๊ป B อยู่แล้ว
ดังนั้นเลือดจึงเข้ากันไม่ได้ ก่อนพยายามแก้ไขเลือดที่ให้ไป
ซึ่งถือว่าให้ไปจำนวนพอสมควร โดยให้เลือดแดงในครั้งแรก 2 ถุง ครั้งที่สอง 4
ถุง และเลือดที่สกัดอีกจำนวน 6 ถุง รวมทั้งหมด 12 ถุง

ภาพจาก MCOT

         
จากการที่ได้รับรายงานพบว่าให้ผิดทั้งหมด โดยทางโรงพยาบาลชี้แจงว่า
ที่ต้องให้เลือด เนื่องจากว่าอยู่ในภาวะฉุกเฉินต้องเร่งช่วยชีวิต
แต่ปรากฏว่าประเมินแล้วเกินกว่าศักยภาพที่โรงพยาบาลจะรับได้
จึงได้ส่งไปที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ซึ่ง ณ ขณะนั้นสัญญาณชีพยังดีอยู่
แต่ไม่รู้สึกตัวแล้ว แพทย์ที่รับต่อมาก็พยายามช่วยเหลือให้รอดชีวิต
แต่สุดท้ายคนไข้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ภาพจาก MCOT

ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3

          พนักงานธนาคารถูกเพื่อนสนิทยิงดับกลางซอยปากเกร็ด สาเหตุเพียงเพราะไม่ไปดื่มต่อ ยัน ไม่เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง

          จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายสิทธิพงษ์ หรือแม็ก วัย 41 ปี เพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิตมานานกว่า 10 ปี โดยทั้งคู่ได้ไปดื่มเหล้าที่ร้านย่านถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด ก่อนเกิดปากเสียงเรื่องผู้ก่อเหตุชวนไปดื่มต่อแต่ผู้เสียชีวิตปฏิเสธ จนลุกลามเป็นการชกต่อยกันนอกร้าน ทำให้ผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บคิ้วแตก

          หลังเหตุการณ์ชกต่อย ผู้ก่อเหตุขับรถฮอนด้า ซีวิคสีขาวไล่ตามและชนท้ายรถของผู้เสียชีวิต เมื่อผู้เสียชีวิตจอดรถและเปิดกระจกเพื่อขอโทษ ผู้ก่อเหตุกลับใช้อาวุธปืนยิงใส่จนเสียชีวิต ก่อนขับรถหลบหนีไป

          ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุที่หลบหนีไป พร้อมนำตัวพยานและผู้เกี่ยวข้องไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก

          ต่อมาเวลา 03.00 น. แพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจชันสูตรเบื้องต้น พบว่า ผู้เสียชีวิตถูกยิงที่ลำตัว 10 นัด แขนทะลุมาโดนชายโครง 3 นัด รวม 13 นัด มีปลอกกระสุนรวม 18 ปลอก หัวกระสุน 1 นัด และรถมีร่องรอยการถูกชนยับเยิน

ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3

 
           สาวหน้าตาดี บอกความลับสำคัญที่ไม่มีใครเคยรู้ ทำให้ได้กินขนมฟรีตลอด พอบอกปึ๊บ ทัวร์ลงทันที ล่าสุดชี้แจงแล้วว่ากินในเดือนเกิดจริง

          
ส่วนวันเกิดที่แท้จริงของเธอนั้น เกิดวันที่ 26 ตุลาคม
ซึ่งการลงคอนเทนต์ในช่วงเดือนพฤษภาคม
ทำให้ทัวร์ก็ลงในทันทีถึงความไม่เหมาะสม ฉวยโอกาสตุกติก อย่างไรก็ตาม
ก็ต้องรอเธอออกมาชี้แจงอีกครั้งว่า รูปดังกล่าวเป็นรูปที่ถ่ายเมื่อตอนไหน

          
ยังมีชาวเน็ตอีกส่วน สงสัยว่า
ปกติร้านจะมีการตรวจบัตรประชาชนก่อนที่จะทำของกินเซ็ตวันเกิดให้
ดังนั้นปัญหาการโกงวันเกิดไม่น่าจะมี แต่เรื่องนี้ก็มีคนชี้แจงไว้ว่า
บางร้านก็ไม่ได้เช็กเหมือนกัน เพราะเชื่อใจลูกค้า
จนกลายเป็นช่องให้ฉวยโอกาสลักไก่ได้

เจ้าตัวมาแจงแล้ว

          กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า ฝนจะตกถึงเมื่อไร หลังช่วงนี้ฝนตกทุกวันในฤดูร้อน

          ในช่วงวันที่ 2 – 7 พ.ค. ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออก โดยอุณหภูมิจะเริ่มสูงขึ้น และมีอากาศร้อน เนื่องจากความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ยังคงมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง

          สำหรับภาคใต้ในช่วงวันที่ 1 – 2 พ.ค. ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

          ส่วนในช่วงวันที่ 3 – 7 พ.ค. ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนกลางและตอนล่างของภาค เนื่องจากจะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนผ่านอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

          ร้านหมูกระทะ แจงอีกมุมหลังปรับลูกค้า 36 บาท ก่อนปรับถามแล้วจะกินให้หมดหรือปรับ ด้านคนโพสต์คลิปขอโทษ รับ ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ ทำให้ร้านเสียหาย

          อ่านข่าว : ร้านหมูกระทะ คีบเศษเนื้อปรับของเหลือ 36 บาท ดูแล้วคนอึ้ง ได้เงินแค่นี้ อาจเสียลูกค้าอื้อ

          ผ่านไป 30 นาที ลูกค้าขอย้อนมาดูบิล บอกว่า ผู้ใหญ่มาแค่ 6 คน ไม่ใช่ 7 คน ตนก็คืนเงินให้ 199 บาท แล้วในคืนนั้น คลิปดังกล่าวก็ถูกโพสต์ขึ้น ตนยอมรับว่าเสียใจ

          สำหรับร้านตน จะมีการให้บริการ 2 แบบ คือ แบบชั่งกิโลและบุฟเฟ่ต์ ถ้าชั่งกิโลจะขายกิโลกรัมละ 240 บาท เครื่องดื่มทุกอย่างต้องคิดเงิน แต่ถ้าเป็นบุฟเฟต์ จะคิดหัวละ 199 บาท เครื่องดื่มฟรีทุกอย่างยกเว้นแอลกอฮอล์ มีข้อแม้คือ หากกินไม่หมด จะต้องถูกปรับขีดละ 50 บาท ที่ตั้งกฎแบบนี้เพราะมักมีลูกค้ากินไม่หมดแล้วเอาทิ้งขยะ ทิ้งเกลื่อนในหม้อกระทะ

          ก่อนที่จะเช็กบิลแล้วพบว่า ลูกค้ากินไม่หมด จะมีการบอกลูกค้าว่า ทานให้หมดก่อนได้ไหม จะได้ไม่ถูกปรับ และร้านก็ไม่ได้จำกัดเวลาการกิน แต่ลูกค้าเลือกไม่ทานจึงถูกปรับ 36 บาท เรื่องนี้ตนรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ไม่ตำหนิลูกค้า ขอเน้นทำความเข้าใจกันดีกว่า

          นายนิจ ลูกค้าคนโพสต์คลิป เปิดเผยว่า จริงแล้วไม่ได้คิดอะไร ส่วนตัวไม่เคยทานแบบนี้ พอมาเจอคิดค่าปรับก็ตกใจ ไม่เคยเจอมาก่อน จึงถ่ายคลิปเอาไว้ สิ่งหนึ่งก็ต้องขอโทษทางร้าน มันเป็นกฎ แต่เราไม่ได้อ่านป้าย ขอโทษที่โพสต์ทำให้ร้านเสียหาย

ภาพจาก เฟซบุ๊ก แสนมีชัย กับ ไอ้แชมป์สระบุรี

ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3

          เปิดไทม์ไลน์ ผู้เสียชีวิตจากโรคแอนแทรกซ์ 1 ราย เริ่มกินเนื้อดิบตั้งแต่วันไหน ถึงเสียชีวิต เป็นช่วงเวลาที่อันตรายมาก ตอนนี้เฝ้าระวังหลายพื้นที่

          – วันที่ 12 เมษายน 2568 ชำแหละวัว และกินเนื้อดิบ

          – วันที่ 24 เมษายน 2568 มีแผลที่มือ ผิวหนังเริ่มมีสีดำ

          – วันที่ 27 เมษายน 2568 ไปรักษาที่โรงพยาบาลดอนตาล ส่งตัวไปรักษาต่อที่ โรงพยาบาลมุกดาหาร

          – วันที่ 30 เมษายน 2568 เสียชีวิต

ภาพจาก ข่าวช่องวัน

          ด้วยเหตุนี้ ในพื้นที่ตำบลเหล่าหมี อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร จึงมีประกาศห้ามฆ่าสัตว์ในพื้นที่ และช่วงนี้กำลังจะมีงานบุญใหญ่ ต้องล้มวัวมาทำเมนูต่าง ๆ มากิน ทำให้ลดโอกาสการติดเชื้อมากขึ้นได้

ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่องวัน