KUBET – ดราม่านั่งเรือตลาดน้ำ 3 คน 9500 บาท นักท่องเที่ยวโวย โดนฟันราคาสุดโหด

           สาวไทยโพสต์เตือนภัย พาเพื่อนต่างชาติ 2 คนนั่งเรือเที่ยวตลาดน้ำชื่อดัง แต่เจอเรียกเก็บเงิน 3 คน 9,500 บาท คนขับอ้างราคาปกติ



นักท่องเที่ยวโวย นั่งเรือตลาดน้ำ 3 คน 9500
ภาพจาก พวกเราคือผู้บริโภค

           วันที่ 20 มิถุนายน 2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Yamolpon Kaeosakun โพสต์ในกลุ่ม พวกเราคือผู้บริโภค แชร์ประสบการณ์เตือนคนที่จะไปนั่งเรือเที่ยวตลาดน้ำชื่อดัง หลังนั่งไปกัน 3 คน แต่กลับถูกคิดเงินในราคาสูงถึง 9,500 บาท

           เจ้าของโพสต์ ระบุว่า วันนี้ไปตลาดน้ำแห่งหนึ่ง กลุ่มที่ไปนั้นเป็นต่างชาติ 2 คนไทย 1 คน รวมค่านั่งเรือ 3 คน 9,500 บาท ระยะเวลาประมาณ 10.00 น. ถึงเวลาไม่เกิน 13.00 น. สอบถามคนขับเรือ บอกว่า ราคาปกติเหมือนกันทั้งคนไทยและต่างชาติ 

นักท่องเที่ยวโวย นั่งเรือตลาดน้ำ 3 คน 9500

           หลังจากโพสต์นี้ถูกเผยแพร่ไป สร้างความตกใจให้กับชาวเน็ตไทยจำนวนมาก โดยหลายคนต่างตกใจที่ถูกคิดเงินแพงขนาดนี้ ซึ่งเจ้าของโพสต์ให้ข้อมูลเพิ่มว่า เธอไม่ได้เป็นคนจ่ายเงิน คนต่างชาติเป็นคนรูดบัตรเครดิต และเธอเพิ่งมารู้ทีหลังว่าถูกคิดเงิน 9,500 บาท จากการนั่งเรือเที่ยว 3 คนดังกล่าว 

         ขณะที่บางคอมเมนต์วิเคราะห์ว่าเคสนี้น่าจะมาจากความตั้งใจฟันราคาแพง
ๆ โดยทำเป็นขบวนการระหว่างคนรถและท่าเรือ
ซึ่งบางส่วนมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมและกระทบกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย

นักท่องเที่ยวโวย นั่งเรือตลาดน้ำ 3 คน 9500
ภาพจาก พวกเราคือผู้บริโภค

           นอกจากนี้
ยังมีการเปิดเผยรูปของอัตราค่าบริการเรือยนต์และเรือพายที่
ตลาดน้ำดังกล่าว ประกาศเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 โดยเรือยนต์
คิดเงินคนไทย ชั่วโมงแรก 800 บาทต่อลำ ชั่วโมงต่อไป 400 บาท ส่วน ต่างชาติ
ชั่วโมงแรก 2,000 บาทต่อลำ ชั่วโมงต่อไป 1,000 บาท จำนวนผู้โดยสารไม่เกิน 6
คน ต่อเรือ 

นักท่องเที่ยวโวย นั่งเรือตลาดน้ำ 3 คน 9500

นักท่องเที่ยวโวย นั่งเรือตลาดน้ำ 3 คน 9500

นักท่องเที่ยวโวย นั่งเรือตลาดน้ำ 3 คน 9500

นักท่องเที่ยวโวย นั่งเรือตลาดน้ำ 3 คน 9500

นักท่องเที่ยวโวย นั่งเรือตลาดน้ำ 3 คน 9500

นักท่องเที่ยวโวย นั่งเรือตลาดน้ำ 3 คน 9500

นักท่องเที่ยวโวย นั่งเรือตลาดน้ำ 3 คน 9500

KUBET – คนในวงการ ชี้พบนักแสดงติด HIV ทำสะเทือนวงการ ต้องหยุดถ่ายกันทั้งเมือง 14 วัน

          สะเทือนวงการ นักแสดงติด HIV ต้องหยุดถ่ายกันทั้งเมือง ชี้ต้องรออย่างน้อย 14 วัน กว่าจะถ่ายได้ใหม่ นางเอก AV ชี้นี่แหละข้อเสีย การไม่สวมถุงยาง 



ดารา AV ติดเชื้อ HIV

          ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวฮอตขวัญใจหนุ่ม ๆ สำหรับ อู่เมิ่งเมิ่ง (吳夢夢) นางเอก AV ชื่อดังซึ่งถูกยกให้เป็นเบอร์ 1 ของไต้หวัน เจ้าของหุ่นสุดเร้าใจ ซึ่งเธอไม่เพียงเป็นที่สนใจเฉพาะผลงานสุดซี้ด แต่ยังมีแฟน ๆ ที่ติดตามบนโซเชียลมากมาย จากการที่เธอมักออกมาบอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังของวงการ AV ที่หลาย ๆ คนไม่ทราบ 

          ล่าสุด (20 มิถุนายน 2568) เว็บไซต์ TVBS รายงานว่า อู่เมิ่งเมิ่ง ได้ออกมาเผยเรื่องชวนฮือฮาอีกครั้ง ชี้ว่ามีนักแสดง AV ในสหรัฐฯ ตรวจพบติดเชื้อ HIV จนทำให้การถ่ายหนังต้องหยุดชะงักทั้งเมือง เป็นเวลา 14 วัน โดยน่าจะกลับมาเริ่มถ่ายทำได้อีกครั้งในสัปดาห์หน้า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอถึงกับถอนหายใจ ชี้ว่า “การไม่ใช้ถุงยางอนามัยนั้นมีข้อเสีย”

อู๋เมิ่งเมิ่ง
อู่เมิ่งเมิ่ง / ภาพจาก Threads @monmonwu2.0 

          เธอเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีนักแสดงหนังผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อ HIV ส่งผลให้นครลอสแอนเจลิส ต้องหยุดการถ่ายทำหนังผู้ใหญ่ทั้งหมดเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน เพื่อให้มั่นใจว่านักแสดงทุก ๆ คนมีความปลอดภัยก่อนจะกลับมาเริ่มถ่ายหนังกันอีกครั้ง 

          อย่างไรก็ตาม เธอมองว่าโชคยังดีที่อุตสาหกรรมหนัง AV ในสหรัฐฯ นั้นมีกฎระเบียบเข้มงวดมากในการตรวจสุขภาพ ดังนั้นจึงสามารถป้องกันไม่ให้เกิดการกระจายของโรคไปได้ตั้งแต่ต้น 

          โดยก่อนหน้านี้ อู่เมิ่งเมิ่ง
เพิ่งจะออกมาตอบคำถามของชาวเน็ต
ที่สงสัยว่าเหตุใดหนังโป๊ในยุโรปและอเมริกันจึงไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัย
ขณะที่ฝั่งเอเชียนมักจะขอให้สวมถุงยางอนามัย ซึ่งตอนนั้นเธออธิบายไว้ว่า
เนื่องจากนักแสดงหนังผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ
จำเป็นต้องตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุก ๆ 14 วัน
แม้จะไม่ได้มีงานหรือมีเซ็กส์ในช่วง 14 วันก็ตาม
โดยการตรวจแต่ละครั้งมีราคาตั้งแต่ 200 – 350 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6,500 –
11,000 บาท) ขึ้นอยู่กับความเร็วในการได้รับผล 

          ขณะที่ยุโรปต้องตรวจโรคทุก
ๆ 7 วัน แต่ในไต้หวันนั้นจะขอให้ตรวจเพียงแค่ HIV ซิฟิลิส โรคหนองใน
และไวรัส HPV เท่านั้น ส่วนฝั่งญี่ปุ่นแทบจะไม่ตรวจเลย แม้แต่หูดหงอนไก่

อู๋เมิ่งเมิ่ง
อู่เมิ่งเมิ่ง / ภาพจาก Threads @monmonwu2.0 

อู๋เมิ่งเมิ่ง
อู่เมิ่งเมิ่ง / ภาพจาก Threads @monmonwu2.0 

อู๋เมิ่งเมิ่ง
อู่เมิ่งเมิ่ง / ภาพจาก Threads @monmonwu2.0 

ขอบคุณข้อมูลจาก TVBS 

KUBET – เปิดคลิปห้อง ฮุน เซน แต่ทำคนโฟกัสข้างเตียง – ส่องห้องใหญ่ใช้เลี้ยงหลาน นับดูมีแอร์กี่ตัว

         เปิดภาพบ้าน ฮุน เซน ตามไปดูห้องนอน กับห้องเลี้ยงหลาน ใหญ่จนเตะบอลได้  อีกห้องที่ดูคุ้น ๆ ใหญ่ขนาดนี้ นับเลยมีแอร์กี่ตัว 



ห้องนอน ฮุน เซน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen of Cambodia  

        ท่ามกลางกระแสร้อนแรงของการเมืองไทย ปมคลิปเสียง อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร กับ สมเด็จฮุน เซน ตามต่อด้วยการปล่อยภาพขณะพาอังเคิลฮุน เซน พาหลานอุ๊งอิ๊ง ไปเยี่ยมห้องพักของ ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ภายในบ้านของสมเด็จฮุน เซน ทำให้ห้องนอนดังกล่าวกลายเป็นมีมที่ชาวไทยวิจารณ์กันสนั่น แซวกันเรื่องแอร์น้อยสู้ชีวิต รวมถึงโฟกัสไปยังผ้าปูที่นอน กับรสนิยมให้การแต่งห้อง 

ห้องนอน ฮุน เซน
ภาพจาก TikTok @hunsenofcambodia

         อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนกลับไปดูบนโซเชียลมีเดียของ สมเด็จฮุน เซน พบว่าเคยมีการอวดคลิปจากห้องนอนและห้องต่าง ๆ ภายในบ้าน ขณะใช้เวลาอยู่กับหลาน ๆ มาหลายครั้ง พบว่ามีความน่าสนใจไม่น้อย 

ห้องนอน ฮุน เซน
ภาพจาก TikTok @hunsenofcambodia

         เริ่มจากห้องหนึ่งที่ดูคุ้น ๆ ทั้งขนาดและการตกแต่ง จากคลิปที่อังเคิลกำลังเลี้ยงหลาน พบว่าห้องมีขนาดใหญ่โตเหมือนห้องประชุม ภายในห้องมีโต๊ะกระจก ชุดโซฟา ผ้าปูพื้นให้เด็กนั่งเล่น เตียง รวมถึงติดแอร์ไว้ 3 ตัว 

         ยังมีคลิปอื่นจากห้องนอนของสมเด็จฮุน เซน
ซึ่งก็เป็นเตียงไม้ที่บริเวณหัวเตียงใหญ่อลังการ ผ้าปูสีชมพู
แต่ชาวเน็ตยังไม่วายหลุดโฟกัส
จับสังเกตว่าบริเวณข้างเตียงนั้นมีโทรศัพท์วางเรียงไว้ไม่ต่ำกว่า 5 เครื่อง
โดยเสียบชาร์จไว้กับปลั๊กพ่วง เรียกว่าระดับผู้นำกัมพูชา
จะใช้โทรศัพท์ไม่กี่เครื่องได้ยังไง 

ห้องนอน ฮุน เซน
ภาพจาก TikTok @hunsenofcambodia

         นอกจากนี้ยังมีอีกคลิป เป็นภาพจากห้องโถงหนึ่งภายในบ้าน
ที่มีขนาดใหญ่โอ่อ่าเช่นเดียวกัน ขณะที่สมเด็จฮุน เซน
กำลังเล่นเตะบอลกับหลาน ๆ ซึ่งชาวเน็ตไทยถึงกับบอกว่า
นี่เองที่ว่าห้องใหญ่จนเตะบอลได้ 

ห้องนอน ฮุน เซน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen of Cambodia 

 

KUBET – ต่างฝ่ายต่างไหว้ ทูน หิรัญทรัพย์ 2 โจ๋ จบดราม่า ไกล่เกลี่ยด้วยดี ไม่ต้องมีกระเช้า

           จบด้วยดี ทูน หิรัญทรัพย์ – 2 โจ๋ ยกมือไหว้ขอโทษ ไกล่เกลี่ยด้วยดีไม่ต้องมีกระเช้า โซเชียลฝากไว้เป็นบทเรียน 



ทูน หิรัญทรัพย์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก บิ๊กเกรียน

           จากกรณี ทูน หิรัญทรัพย์ นักแสดงรุ่นใหญ่ อายุ 69 ปี มีเรื่องกับ 2 หนุ่มวัยรุ่นในพื้นที่คลองถม จนมีการแจ้งความดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งต่อมาหนุ่ม 17 ออกมาชี้แจงว่า ยืนยันว่าถูกผลักอกก่อน หลังบอกว่าไม่รู้จักนายทูน ขณะที่ฝ่ายนักแสดงอาวุโส ยืนยันว่าไม่ได้เจตนาผลักนั้น 

           ล่าสุด (21 มิถุนายน 2568) ดูเหมือนว่าเรื่องราวระหว่าง ทูน หิรัญทรัพย์ กับ 2 หนุ่มวัยรุ่น จะจบลงด้วยดีแล้ว ด้วยการที่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างยกมือไหว้ขอโทษกัน โดยทางเพจ เจ๊มอย108 V1 ได้เผยภาพของทั้ง 3 คน พร้อมระบุว่า 

           “จบกันด้วยดี.. ไม่ต้องมีกระเช้า ไม่ต้องเสียเงินใดใด ไกล่เกลี่ย ไหว้ขอโทษ แล้วให้อภัยกันไปจ้าาาา แต่อิพิมรู้จักพี่ทูนนะ ห้ามฟ้อง !!”

     2 โจ๋ ยกมือไหว้ขอโทษ ทูน หิรัญทรัพย์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจ๊มอย108 V1 

   

           ขณะที่โซเชียลต่างคอมเมนต์สนั่น บ้างก็โฟกัสที่สีหน้าของเด็กทั้ง
2 คนที่ไม่ได้มองหน้า ทูน หิรัญทรัพย์
นอกจากนี้บางคนยังฝากเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียน 

ทูน หิรัญทรัพย์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก บิ๊กเกรียน

KUBET – แพรรี่ ไพรวัลย์ เล่าเรื่องขายทุเรียน เจอลูกค้าแบบนี้ ยอมให้ฟรีเลย

          แพรรี่ ไพรวัลย์ เจอแม่เลี้ยงเดี่ยวมาซื้อทุเรียน คุยไปคุยมา จึงลดราคาให้ แต่เจ้าตัวไม่เอา แพรรี่จึงทำแบบนี้ อ่านแชตซึ้งใจมาก



แพรรี่ ไพรวัลย์
ภาพจาก Instagram paiwan_wannabud

          วันที่ 20 มิถุนายน 2568 เฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร ของแพรรี่ ไพรวัลย์ มีการโพสต์เล่าการรับออร์เดอร์ทุเรียนจากลูกค้ารายหนึ่ง ที่ทำให้เจ้าตัวประทับใจไม่น้อย จนเสนอลดราคาสินค้าจาก 1,500 บาท แต่ลูกค้าไม่เอา ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นแถมฟรี กลายเป็นไวรัลใจฟู เรื่องราวมีดังนี้

          ลูกค้ารายหนึ่งเข้ามาทักขอซื้อทุเรียน ราคา 1,500 บาท บอกว่า กว่าจะเก็บเงินได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากเลี้ยงลูกคนเดียว จากนั้นก็มีการพูดคุยในเรื่องสัพเพเหระ เรื่องคุณภาพสินค้า ฯลฯ

แพรรี่ ไพรวัลย์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร

          สุดท้าย
แพรรี่เห็นใจคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนนี้ จึงเสนอขอลดราคาเหลือ 1,000 บาท
แต่ลูกค้าปฏิเสธ แพรรี่จึงแถมทุเรียนให้อีก 1 ลูกฟรี ๆ ยืนยันว่า
เป็นทุเรียนสวยแน่นอน

แพรรี่ ไพรวัลย์

แพรรี่ ไพรวัลย์

แพรรี่ ไพรวัลย์

แพรรี่ ไพรวัลย์

แพรรี่ ไพรวัลย์

แพรรี่ ไพรวัลย์

แพรรี่ ไพรวัลย์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร

แพรรี่ ไพรวัลย์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร

แพรรี่ ไพรวัลย์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร

แพรรี่ ไพรวัลย์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร

KUBET – ร้านเปิดภาพลูกค้าหญิง 6 คน กินแล้วเดินออกทีละคน ตั้งใจไม่จ่ายไหม แต่ลงเอยแบบนี้

          ร้านขนมหวานเปิดภาพ พฤติกรรมลูกค้าหญิง 6 คน กินแล้วเดินออกไปทีละคน สงสัยตั้งใจไม่จ่ายไหม ชาวเน็ตชี้พิรุธให้แจ้งความ แต่สุดท้ายจบแบบนี้ 



ร้านเปิดภาพลูกค้าหญิง 6 คน กินแล้วเดินออกทีละคน
ภาพจาก Threads 

          วันที่ 19 มิถุนายน 2568 เว็บไซต์ Hk01 เผยว่า มีเหตุการณ์น่าประหลาดใจที่ร้านขนมหวานแห่งหนึ่งในฮ่องกง เมื่อทางร้านได้นำคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดมาเปิดเผย พร้อมขอความช่วยเหลือให้ตามหาลูกค้าหญิงจำนวน 6 ราย ภายหลังจากนั่งกินขนมหวานภายในร้านเสร็จแล้วลุกเดินออกจากร้านไปทีละคน โดยที่ไม่ได้จ่ายเงิน 

          เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ร้าน Sweetheart ในย่านซึนวาน ของฮ่องกง เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ทางร้านโดยได้โพสต์ภาพจากกล้องวงจรปิด แชร์ลงบนแพลตฟอร์มโซเชียล Threads โดยระบุว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีลูกค้าผู้หญิง 6 คนออกจากร้านไปโดยไม่ชำระเงิน หลังจากรับประทานขนมหวานจนพอใจ 

ร้านเปิดภาพลูกค้าหญิง 6 คน กินแล้วเดินออกทีละคน
ภาพจาก Threads 

          โดยจากคลิปแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงทั้ง 6 คนนั้นสวมเสื้อยืดสีขาว หลังจากนั่งกินขนมหวานที่โต๊ะเสร็จ พวกเธอก็เดินออกจากร้านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งทางร้านเชื่อว่าลูกค้าทั้งหมดนั้น “ไม่ได้ตั้งใจ” และหวังว่าพวกเธอจะกลับมาจ่ายเงินโดยเร็วที่สุด

ร้านเปิดภาพลูกค้าหญิง 6 คน กินแล้วเดินออกทีละคน
ภาพจาก Threads 

          ภายหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป
ก็ได้รับความสนใจบนโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว
ชาวเน็ตจำนวนมากเข้าไปแสดงความคิดเห็นกล่าวตำหนิว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
และบางส่วนเชื่อว่าพวกเธอตั้งใจหรืออาจจะมาด้วยกันเป็น และทำกันเป็นทีม 


          “เป็นไปได้ไงที่จะลืมจ่ายเงินเหมือนกันทั้ง 6 คน”
          “เป็นไปไม่ได้ที่จะลืมจ่าย พวกเธอไม่ใช่เด็ก” 
          “บรรยากาศมันแปลก ๆ ร้านควรแจ้งตำรวจ” 
          “พวกเธอดูเหมือนนักท่องเที่ยว แต่จะลืมจ่ายเงินเหมือนกันทั้ง 6 คน มันก็น่าแปลกจริง ๆ”

ร้านเปิดภาพลูกค้าหญิง 6 คน กินแล้วเดินออกทีละคน
ภาพจาก Threads 

          ทั้งนี้ มีชาวเน็ตบางรายได้แนะนำให้ทางร้านทำเป็นระบบ “จ่ายเงินก่อน” เพื่อหลีกเลี่ยง “การกินฟรีโดยไม่จ่ายเงิน”
ซึ่งคาเฟ่หรือร้านขนมในหลาย ๆ ที่ก็ใช้วิธีนี้
คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ทั้งกับร้านและลูกค้าเองด้วย
และจะไม่มีข้ออ้างว่าลืมอีกต่อไป 

         
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปในวงกว้าง ต่อมาในวันเดียวกันนั้น
ทางร้านดังกล่าวได้อัปเดตข้อมูลว่า
ลูกค้าหญิงเหล่านั้นได้กลับมาที่ร้านและชำระเงินเรียบร้อยแล้ว “เราขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ ลูกค้าได้กลับมาชำระเงินแล้ว
เราเข้าใจว่าเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจของลูกค้า
ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง” 

ขอบคุณข้อมูลจาก Hk01

KUBET – สะพรึง ซากทารกเกือบ 800 อาจซ่อนอยู่ใต้สถานสงเคราะห์ คาดโยนเด็กตายทิ้งส้วมซึม

          สะพรึง ซากทารกเกือบ 800 อาจซ่อนอยู่ในบ่อเกรอะ ใต้สถานสงเคราะห์ เปิดตำนานสุดโหดร้าย พรากแม่และทารก ก่อนโยนซากเด็กที่ตายลงส้วมซึม 



ซากทารกเกือบ 800 อาจซ่อนอยู่ใต้สถานสงเคราะห์
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล 

          วันที่ 17 มิถุนายน 2568 เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า การขุดค้นครั้งสำคัญได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในประเทศไอร์แลนด์ เจ้าหน้าที่จะทำการขุดหาซากของทารกและเด็กเกือบ 800 ราย ที่เชื่อว่าถูกฝังอยู่ในบ่อเกรอะของสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นสถานสงเคราะห์สำหรับหญิงที่ไม่ได้แต่งงาน ภายใต้การดำเนินของกลุ่มแม่ชีคาทอลิก

          เรื่องราวชวนช็อกนี้ เพิ่งได้รับการเปิดเผยเมื่อปี 2557 ภายหลังการค้นพบของ แคทเธอรีน คอร์เลส นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ซึ่งคาดว่าน่าจะมีซากทารกและเด็กจำนวนมาก ถูกทิ้งลงส้วมซึมของสถานสงเคราะห์แม่และเด็ก Bon Secours ในเมืองเล็กๆ ของไอร์แลนด์ ซึ่งถูกรื้อถอนไปเมื่อปี 2514 และปัจจุบันถูกอาคารอพาร์ตเมนต์ทันสมัยสร้างอยู่รายล้อม 

          จากการค้นคว้าของเธอ คอร์เลส คาดว่ามีเด็กทั้งหมด 798 ราย ที่เสียชีวิตในสถานสงเคราะห์แห่งนี้ ระหว่างปี 2468 – 2504 โดยมีเพียงแค่ 2 รายที่ถูกนำไปฝังไว้ยังสุสานใกล้ ๆ ขณะที่อีก 796 ราย เชื่อว่าน่าจะยังอยู่ภายใต้พื้นที่ของสถานสงเคราะห์ดังกล่าว 

          ระบบที่โหดร้าย

          สถานสงเคราะห์ Bon Secours หรือที่คนในท้องถิ่นเรียกว่า “The Home” เป็นสถานสงเคราะห์แม่และเด็ก สำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่ยังไม่แต่งงาน ดำเนินการโดยแม่ชีคาทอลิก

          หญิงที่ตั้งครรภ์โดยไม่ได้แต่งงานจะถูกส่งมาคลอดที่นี่และต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 1 ปี เพื่อทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง พวกเธอจะถูกแยกจากลูกตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งจะถูกเลี้ยงดูโดยแม่ชีจนกว่าเด็กจะถูกคนรับเลี้ยงไป ซึ่งมักจะเป็นไปโดยไม่ได้รับความยินยอมจากครอบครัว

ซากทารกเกือบ 800 อาจซ่อนอยู่ใต้สถานสงเคราะห์
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล 

          การสืบสวนในปัจจุบัน

         
หลังจากผ่านไปกว่าทศวรรษนับจากการเปิดเผยครั้งแรก
ในที่สุดทีมนักสืบสวนได้เริ่มการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ในสัปดาห์นี้
ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาถึง 2 ปีในการระบุตัวตนซากของทารกและทำการฝังใหม่ 

          เสียงจากผู้รอดชีวิต

 
        ด้าน แอนเน็ตต์ แมคเคย์ หญิงซึ่งเชื่อว่าพี่สาวของเธอ
เป็นหนึ่งในเหยื่อ 798 คน เผยว่า เธอไม่สนใจว่าจะเป็นเพียงแค่เศษเล็ก ๆ
ก็อย่างที่พวกเขาบอกฉันว่าคงเหลือซากอยู่ไม่มากนัก ด้วยอายุเพียง 6 เดือน 

 
        มากาเร็ต แม่ของเธอ คลอดทารกหญิงที่สถานสงเคราะห์แห่งนี้
หลังถูกขืนใจตอนอายุ 17 ปี แต่ทารกน้อยตายในเวลา 6 เดือนต่อมา
โดยที่มากาเร็ตเพิ่งทราบข่าวร้าย ตอนที่แม่ชีเดินมาบอก 

          “เธอกำลังตากผ้า และแม่ชีก็เข้ามาด้านหลังเธอ บอกว่า ‘ลูกจากบาปของเธอตายแล้ว'” แอนเน็ตต์ ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในอังกฤษ กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก New York Post 

KUBET – มู่เจี๋ย คอสเพลย์สาวแซ่บ เปิดใจ รักแท้กับสามี 2 คน ในรูปแบบที่ไม่คาดคิด

         คอสเพลย์สาวแซ่บเปิดใจ มีสามี 2 คน เผยชีวิตรักแท้แบบ “ฉันอยู่ตรงกลาง” อย่างที่คนคาดไม่ถึง มั่นใจจริงใจและใสสะอาดกว่าที่คิด



คอสเพลย์สาวแซ่บเปิดใจ มีสามี 2 คน เผยชีวิตรักแท้แบบ ฉันอยู่ตรงกลาง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Cheung Mo Kit 

          วันที่ 19 มิถุนายน 2568 เว็บไซต์ ETtoday เปิดเรื่องราวของ จาง มู่เจี๋ย หรือที่รู้จักในชื่อ Mokit Cosplay คอสเพลย์สาวชื่อดังในไต้หวัน ที่มักจะแชร์ภาพเซ็กซี่สุดมั่นใจ จนเป็นที่รู้จักบนโซเชียลในวงกว้าง เธอมีผู้ติดตามมากกว่า 170,000 ฟอลโลเว่อร์ เมื่อไม่นานนี้ เธอได้กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ หลังจากประกาศเปิดตัวความรักกับ “สามี 2 คน” พร้อมทั้งเล่าถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งและซื่อสัตย์ระหว่างทั้งสามคนอย่างเปิดเผย ถึงขนาดเรียกว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ “จริงใจและใสสะอาด” 

          รักแท้เรา 3 คน

          มู่เจี๋ยเล่าว่า เธอมีความสัมพันธ์กับผู้ชาย 2 คนในเวลาเดียวกัน โดยทั้งสองคนต่างรักและเคารพเธออย่างแท้จริง

          สามีคนแรก – รู้จักกันผ่านเกม 

          สามีคนนี้รู้จักกับเธอผ่านทางเกมออนไลน์ มีความเข้าใจในตัวเธออย่างลึกซึ้ง และใส่ใจในทุกรายละเอียดของอารมณ์ “เขาเข้าใจฉันมาก แค่ฉันเริ่มหงุดหงิดนิดเดียว เขาก็สังเกตได้ทันที” 

          สามีคนที่สอง – จากแฟนคลับสู่คนรัก

          ชายอีกคนเคยเป็นแฟนคลับของเธอมาก่อน และค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์จนกลายมาเป็นคนรัก “เขาเป็นคนมีเหตุผลสูง และคอยคุมสติฉันเวลาที่อารมณ์ไม่คงที่ เขาแสดงความรักผ่านการกระทำเสมอ”

คอสเพลย์สาวแซ่บเปิดใจ มีสามี 2 คน เผยชีวิตรักแท้แบบ ฉันอยู่ตรงกลาง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Cheung Mo Kit  

          ชีวิตร่วมกันที่มากกว่าแค่ความโรแมนติก

          ด้วยเหตุผลด้านการทำงานและการเดินทาง ทั้ง 3 คนจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันสัปดาห์ละ 3 วัน (ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์) โดยมู่เจี๋ย เล่าด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันนอนตรงกลาง เวลาแขนใครชา เราก็สลับกัน ไม่มีอะไรซับซ้อน ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ”

          เธอยังกล่าวด้วยความมั่นใจว่า ความสัมพันธ์นี้จริงใจและใสสะอาดกว่าที่ทุกคนเข้าใจคิด ทุกฝ่ายเต็มใจ เข้าใจกัน และซื่อสัตย์ต่อกันอย่างแท้จริง

คอสเพลย์สาวแซ่บเปิดใจ มีสามี 2 คน เผยชีวิตรักแท้แบบ ฉันอยู่ตรงกลาง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Cheung Mo Kit 

คอสเพลย์สาวแซ่บเปิดใจ มีสามี 2 คน เผยชีวิตรักแท้แบบ ฉันอยู่ตรงกลาง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Cheung Mo Kit 

          ความรักที่ไม่ต้องมีชื่อในทะเบียน

          แม้ความสัมพันธ์ของทั้งสามจะไม่สามารถจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ แต่มู่เจี๋ยยืนยันว่า “ในใจของฉัน พวกเขาคือคู่ชีวิตของฉันตลอดไป แม้ในช่องคู่สมรสจะไม่มีชื่อพวกเขาก็ตาม”

 
        ทั้งนี้ เธอเสริมว่า สามีคนแรกเคยบอกว่า
เขารู้สึกว่าตนเองไม่สมบูรณ์แบบนัก แต่สามีอีกคนกลับเติมเต็มสิ่งที่เขาขาด
และเขาก็อยากลองใช้ชีวิตแบบ 3 คนดู ซึ่งเมื่อได้ลองแล้ว
ทุกอย่างก็ลงตัวกว่าที่คิด

          เสียงจากโลกออนไลน์

          หลังจากเรื่องราวของเธอเผยแพร่ออกไป ก็มีทั้งกระแสบวกและกระแสวิจารณ์ แต่เธอมั่นใจว่า “การเปิดเผยความสัมพันธ์ ดีกว่าการโกหกแฟน ๆ ว่ายังโสด”

          มีแฟนคลับบางคนแซวว่า “เธอจะมีสามีคนที่ 3 อีกไหม ?” ซึ่งเธอก็ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่มีค่ะ ! ขอให้เข้าใจก่อนว่า ความสัมพันธ์แบบเปิด ต้องพูดคุยและได้รับความยินยอมจากทุกฝ่ายก่อน ไม่ใช่ใครจะเข้ามาก็ได้”

คอสเพลย์สาวแซ่บเปิดใจ มีสามี 2 คน เผยชีวิตรักแท้แบบ ฉันอยู่ตรงกลาง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Cheung Mo Kit 

          รักที่นิยามโดยหัวใจ ไม่ใช่กรอบของสังคม

 
       
เรื่องราวความรักของมู่เจี๋ยอาจไม่ได้อยู่ในรูปแบบความรักที่หลายคนคุ้นเคย
แต่เธอแสดงให้เห็นว่า ความรักไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบรูปแบบความสัมพันธ์แบบ
“หนึ่งต่อหนึ่ง” เสมอไป ตราบใดที่มีความเข้าใจ ซื่อสัตย์ และเคารพซึ่งกันและกัน ชีวิตคู่รูปแบบไหนก็สามารถเป็น “รักแท้” ได้

ขอบคุณข้อมูลจาก ETtoday

KUBET – หมอเล่าเคส ตังตัง นัฐรุจี ป่วยเป็นสโตรก-พูดไม่ได้ เตือนระวังจุดเล็ก ๆ ที่คนมองข้าม

         หมอเจด เล่าเคส ตังตัง นัฐรุจี ป่วยเป็นสโตรกแม้อายุน้อย ชี้สาเหตุเกิดจากอาการทั่วไป ที่หลายคนมองข้าม ย้ำมีอาการต่อไปนี้ ควรรักษาให้หาย ก่อนสายเกินไป 



หมอเล่าเคส ตังตัง นัฐรุจี ป่วยเป็นสโตรก-พูดไม่ได้ เตือนระวังจุดเล็ก ๆ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก หมอเจด 

          จากกรณีช็อก ตังตัง นัฐรุจี นักแสดงสาว ออกมาเล่าประสบการณ์เรื่องที่เธอเป็นสโตรก แม้อายุน้อยเพียง 31 ปี จนพูดไม่ได้ หลังปอดติดเชื้อแบคทีเรีย น้ำท่วมปอด กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ แต่โชคดีที่ตอนนี้สามารถกลับมาพูดได้แล้วนั้น

          ล่าสุด (19 มิถุนายน 2568) นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา โพสต์ถึงเรื่องดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก หมอเจด ระบุว่า ช่วงนี้หลายคนน่าจะเห็นข่าว น้องตังตัง นัฐรุจี ที่อยู่ ๆ ก็เป็นสโตรกตอนอายุแค่ 30 ต้น ๆ ซึ่งฟังดูไม่น่าเชื่อ เพราะเวลาเรานึกถึงสโตรก หรือเส้นเลือดในสมองตีบ ส่วนใหญ่มักนึกถึงคนอายุ 60-70 ปีขึ้นไป 

          แต่เคสนี้ไม่ใช่ เพราะจุดเริ่มต้นของเธอเป็นแค่อาการ “ไอ เจ็บคอ” แบบที่เราทุกคนเป็นกันประจำ วันนี้ตนเลยอยากชวนค่อย ๆ ไล่เรียงจากปลายทาง ที่ ตังตัง นัฐรุจี พูดไม่ได้ ย้อนกลับไปดูว่า “เกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย” แล้วจะได้เข้าใจว่า เรื่องพวกนี้ใกล้ตัวกว่าที่เราคิดมาก 

หมอเล่าเคส ตังตัง นัฐรุจี ป่วยเป็นสโตรก-พูดไม่ได้ เตือนระวังจุดเล็ก ๆ
ภาพจาก Instagram tangtangn_

          1. เริ่มจากไอ จบที่สโตรก

          จากที่ ตังตัง นัฐรุจี เล่าเอง เธอเริ่มจาก “ไอ เจ็บคอ” แล้วกลายเป็น “ปอดอักเสบ” จากนั้นเชื้ออักเสบก็ลามไปที่ “กล้ามเนื้อหัวใจ” และสุดท้ายวันหนึ่งตื่นมาแล้ว “พูดไม่ได้” ตรวจพบว่า เป็นสโตรก

          ฟังดูเร็วมากจริง ๆ และเป็นภาพที่ชัดเจนเลยว่าอาการเล็ก ๆ ถ้าไม่รีบรักษาให้ถูกทาง อาจลุกลามไปเป็นเรื่องใหญ่ได้ในไม่กี่วัน เพราะการติดเชื้อในร่างกาย ถ้ารุนแรงหรือควบคุมไม่ดี มันอาจทำให้ร่างกายสร้าง “ลิ่มเลือด” ซึ่งเจ้าลิ่มเลือดนี้แหละคือ สาเหตุของเรื่องนี้

          2. สโตรกวัยรุ่น วัยทำงาน ไม่ใช่เรื่องแปลก

          โรคสโตรก (Stroke) จริง ๆ มี 2 แบบใหญ่ ๆ คือ เส้นเลือดตีบ กับ เส้นเลือดแตก
แต่ในคนอายุน้อย มักจะเจอแบบ “ตีบ” มากกว่า

          ตีบแบบไหน ? ก็จะมี 2 สาเหตุหลัก ๆ คือ

          – Embolic stroke : อยู่ดี ๆ ลิ่มเลือดจากที่อื่นในร่างกาย ล่องลอยมาอุดเส้นเลือดในสมองแบบเฉียบพลัน

          – Thrombotic stroke : เส้นเลือดค่อย ๆ ตีบจากพวกไขมันสะสม เช่น คนที่มีเบาหวาน ความดัน ไขมันสูง

          ในเคส ตังตัง นัฐรุจี ถ้าดูจากที่ต้องฉีดยาละลายลิ่มเลือด และไม่ได้มีโรคประจำตัวเดิมที่บ่งชี้ว่าเส้นเลือดตีบสะสม น่าจะเป็นแบบ Embolic พูดง่าย ๆ ก็คือ ลิ่มเลือดน่าจะล่องมาจากหัวใจ แล้วไปอุดสมอง

          3. หัวใจติดเชื้อ ลิ้นหัวใจอักเสบ = ลิ่มเลือดเกิดง่าย

          คราวนี้มาดูว่าทำไมลิ่มเลือดถึงมาจากหัวใจ หนึ่งในสาเหตุที่พบได้คือ การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ เชื้อจากที่อื่นในร่างกาย เช่น ปอด หรือช่องปาก ลามเข้ากระแสเลือด แล้วมาติดอยู่ตรงลิ้นหัวใจทำให้เกิดการอักเสบตรงนั้น และพอหัวใจเต้นแรง ๆ ลิ่มเลือดที่ก่อตัวตรงลิ้นหัวใจก็ถูกปั่นแล้วพุ่งขึ้นไป “อุดเส้นเลือดในสมอง”

          นึกภาพง่าย ๆ ว่าหัวใจเราปั๊มเลือดตลอดเวลา แล้วอยู่ดี ๆ มันส่งลิ่มเลือด ขึ้นสมอง แค่นี้เองก็เกิดสโตรกได้แล้ว ซึ่งในเคสนี้อาจเริ่มจากเชื้อในปอด แล้วลามไปที่กล้ามเนื้อหัวใจ หรือถึงลิ้นหัวใจ ซึ่งเป็นจุดที่มีโอกาสสร้างลิ่มเลือดได้ง่ายมาก

หมอเล่าเคส ตังตัง นัฐรุจี ป่วยเป็นสโตรก-พูดไม่ได้ เตือนระวังจุดเล็ก ๆ
ภาพจาก Instagram tangtangn_

        


          4. ฟันก็เกี่ยว 

          สิ่งที่หลายคนไม่เคยคิดเลย คือ “ปัญหาสุขภาพช่องปาก” เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ เป็นแผลในปาก ปัญหาเหล่านี้ทำให้แบคทีเรียหลุดเข้ากระแสเลือดได้ง่าย โดยเฉพาะแบคทีเรียกลุ่ม Streptococcus ซึ่งถ้าเข้าไปถึงหัวใจ ก็จะไปอักเสบที่ “ลิ้นหัวใจ” ได้

          หลายคนคิดว่า “เหงือกบวม ฟันผุ มันไม่เกี่ยวกับหัวใจหรอก” แต่จริง
ๆ แล้ว มันเกี่ยวกันแบบตรง ๆ เลย เพราะฉะนั้นจึงควรดูแลช่องปากให้ดี
แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟัน หมั่นตรวจสุขภาพฟันทุก 6 เดือน
ถ้ามีเหงือกอักเสบหรือฟันผุเรื้อรัง รีบรักษาให้จบ

          รวมถึง ถ้ามีแผลตามตัว หรือ “เจ็บคอ” แบบมีไข้ ไอมาก เสียงเปลี่ยน แล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2–3 วัน
อย่าซื้อยากินเองอย่างเดียวครับ ไปหาหมอ ตรวจให้ชัด
ว่าใช่เชื้อรุนแรงหรือไม่

          5. สโตรกป้องกันได้ ถ้าเข้าใจต้นทาง

          ฟังดูน่ากลัว แต่จริง ๆ คือ “มันป้องกันได้ครับ” หลายเคสของสโตรกในคนอายุน้อย มาจากเหตุที่เราคาดไม่ถึง เช่น
          – การติดเชื้อรุนแรงที่ปล่อยไว้
          – หัวใจเต้นผิดจังหวะ
          – ปัญหาในช่องปาก
          – หรือแม้แต่การใช้ยาบางชนิดโดยไม่รู้ความเสี่ยง เช่น ยาคุมบางชนิดในผู้หญิง

          สิ่งที่เราทำได้คือ

          – ใส่ใจสุขภาพพื้นฐาน
          – ไม่ปล่อยให้การติดเชื้อเรื้อรัง
          – หมั่นตรวจฟัน ตรวจร่างกายประจำปี
          – ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น เป็นภูมิแพ้ตัวเอง, เคยหัวใจเต้นผิดจังหวะ ควรแจ้งหมอทุกครั้งที่ตรวจ

          สรุปสุดท้าย

 
        เรื่องของน้องตังตังเป็นอุทาหรณ์ที่ดีมาก เพราะมันคือเรื่องธรรมดา
ที่หลายคนมองข้าม ตนเชื่อว่าเธอโชคดีมากที่ได้รับการรักษาไว และค่อย ๆ
ฟื้นตัว และหวังว่าทุกคนที่ได้อ่านจะรู้ว่า สโตรกไม่ใช่แค่โรคของผู้สูงอายุ
และมันไม่ได้มาแบบให้เวลารู้ตัวนานเสมอไป

          สิ่งที่อยากฝากไว้

          – ถ้าไม่สบาย แล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2–3 วัน ไปหาหมอ
          – ใครที่มีเรื่องอ้วน หรือมีโรคประจำตัว อันนี้ต้องรีบดูแลตัวเอง ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย ปรับการกิน
          – รักษาความสะอาดในช่องปากเสมอ 

หมอเล่าเคส ตังตัง นัฐรุจี ป่วยเป็นสโตรก-พูดไม่ได้ เตือนระวังจุดเล็ก ๆ
ภาพจาก Instagram tangtangn_

หมอเล่าเคส ตังตัง นัฐรุจี ป่วยเป็นสโตรก-พูดไม่ได้ เตือนระวังจุดเล็ก ๆ
ภาพจาก Instagram tangtangn_

หมอเล่าเคส ตังตัง นัฐรุจี ป่วยเป็นสโตรก-พูดไม่ได้ เตือนระวังจุดเล็ก ๆ
ภาพจาก Instagram tangtangn_

KUBET – ประวัติ บิ๊กกุ้ง พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นายทหารผู้พิทักษ์ชายแดนไทย

          เปิดประวัติ พลโท บุญสิน พาดกลาง หรือ บิ๊กกุ้ง แม่ทัพภาคที่ 2 นายทหารผู้มากประสบการณ์ เชี่ยวชาญสนามรบชายแดนไทย – กัมพูชา



ประวัติ บิ๊กกุ้ง พล.ท. บุญสิน พาดกลาง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก แม่ทัพภาค 2 Fanpage

          จากปัญหาข้อพิพาทเรื่องชายแดน ไทย-กัมพูชา จนนำมาสู่การเปิดคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร กับสมเด็จฮุน เซน ชื่อของ พล.ท. บุญสิน พาดกลาง หรือ บิ๊กกุ้ง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กลายมาเป็นที่สนใจของสาธารณชนอีกครั้ง ในฐานะผู้บัญชาการที่มีความเข้มแข็ง จนได้รับการยอมรับจากทั้งฝ่ายทหารและประชาชน

          สำหรับประวัติ พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 สำเร็จการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนชุมชนบ้านดุง จ.อุดรธานี ระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนบ้านดุงวิทยา รุ่นที่ 10 จากนั้นเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 26 (ตท.26) ก่อนที่จะเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) รุ่นที่ 37 (จปร.37) และศึกษาในระดับสูงที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 77 เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการ

          พล.ท. บุญสิน พาดกลาง
เข้ารับราชการทหารในเหล่าทหารราบ เติบโตมาในสายกองทัพภาคที่ 2
ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหลัก
ทำให้มีความเข้าใจและเชี่ยวชาญในพื้นที่นี้เป็นอย่างดี
สั่งสมประสบการณ์จากหน่วยรบชายแดน และหน่วยกำลังรบหลักในพื้นที่ภาคอีสาน
ผ่านการปฏิบัติงานและดำรงตำแหน่งตั้งแต่ระดับผู้บังคับหมวดกองร้อย
จนก้าวขึ้นเป็นผู้บังคับหน่วยระดับกองพันและกรมทหาร

บิ๊กกุ้ง พล.ท. บุญสิน พาดกลาง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก แม่ทัพภาค 2 Fanpage

          ตำแหน่งสำคัญที่ผ่านมา ของ พล.ท. บุญสิน พาดกลาง ได้แก่

          – ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 (จ.สกลนคร)
          – ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22
          – เสนาธิการกองพลทหารราบที่ 3
          – ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3
          – ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 (ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา)
          – ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 (ดูแลพื้นที่อีสานใต้)
          – ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เคยมีบทบาทสำคัญในช่วงเหตุการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนเขาพระวิหารในปี พ.ศ. 2554
          – รองแม่ทัพภาคที่ 2 และแม่ทัพน้อยที่ 2
          – แม่ทัพภาคที่ 2

         
โดยขึ้นดำรงตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ต่อจาก พล.ท. อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ซึ่ง
บิ๊กกุ้ง จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2568 หรืออีก 3
เดือนข้างหน้า
 

บิ๊กกุ้ง พล.ท. บุญสิน พาดกลาง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก แม่ทัพภาค 2 Fanpage

บิ๊กกุ้ง พล.ท. บุญสิน พาดกลาง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก แม่ทัพภาค 2 Fanpage

บิ๊กกุ้ง พล.ท. บุญสิน พาดกลาง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก แม่ทัพภาค 2 Fanpage

ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์