ชายจีน ใช้ชีวิตบนรถแทนการเช่าห้อง ชี้กว่า 3 ปี ประหยัดเงินเกือบครึ่งล้าน สุดแฮปปี้ชีวิตติดอิสระ ฟีลเหมือนแคมปิ้ง เผยตัวจริงไม่จน ทำไมเลือกทางนี้

ภาพจาก sina
ในขณะที่การอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่อาจจะเพิ่มโอกาสในการทำงาน แต่สิ่งที่ต้องแลกมาก็คือค่าครองชีพแสนแพง ไม่เพียงแค่ค่ากินอยู่ แม้แต่การเช่าห้องก็ยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ค่าเช่าห้องแพง ๆ เหล่านั้นไม่ได้เป็นปัญหาอีกต่อไปสำหรับโปรแกรมเมอร์หนุ่มรายหนึ่ง ที่ตัดสินใจเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ จากการอยู่ห้องเช่าแบบคนทั่วไป เขาเลือกที่จะเปลี่ยนรถให้กลายเป็นบ้าน ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าช่วยให้เขาประหยัดเงินถึง 100,000 หยวน (ราว 452,000 บาท) ในช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา
รายงานจากเว็บไซต์เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 เผยว่า ชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า นายจางหยุนไหล อายุ 41 ปี มาจากเมืองหยางเจียง ในมณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน ก่อนจะย้ายมาทำงานอยู่ในเมืองเซินเจิ้นเมื่อหลายปีก่อน เดิมทีเขาก็ใช้ชีวิตเช่นเดียวกับคนทั่ว ๆ ไป นั่นคือเดินทางไป-กลับ ระหว่างห้องเช่ากับออฟฟิศ โดยเสียเงินค่าเช่าห้องเดือนละ 2,500 หยวน (ราว 11,000 บาท)
อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์การแคมปิ้งในสวน ทำให้เขาได้รับแรงบันดาลใจที่จะเปลี่ยนมาใช้ชีวิตแนวใหม่ นั่นคืออาศัยอยู่ในรถไฟฟ้า แทนการเช่าห้อง โดยเขาซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คันหนึ่งมาเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งบริเวณเบาะหลังนั้นสามารถปรับเอนจนราบ ทำให้เขาสามารถปูที่นอนและนอนหลับได้อย่างสบาย ๆ นับจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ในรถคันเล็ก ๆ ของเขา ในช่วงวันที่ต้องไปทำงาน

ภาพจาก sina
“รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้คุณสามารถเปิดแอร์ได้ แถมยังนำที่นอนมาปูได้พอดี การนอนในรถจึงรู้สึกสบายมาก” จางหยุนไหล กล่าว
โดยในแต่ละวัน เขาจะกินอาหารที่โรงอาหารของบริษัทตอนหลังเลิกงาน ไปอาบน้ำที่ฟิตเนส ก่อนจะขับรถไปชาร์จที่สถานีชาร์จพลังงาน สุดท้ายก็ขับรถออกไปหาสถานที่เงียบ ๆ ในสวนสาธารณะ เพื่อทำการปรับเบาะหลังรถ ปูที่นอน และนอนหลับพักผ่อนในช่วงกลางคืน
จางหยุนไหลชี้ว่า ภายในสวนสาธารณะนั้นยังมีห้องน้ำระดับ 5 ดาว ที่เขาสามารถอาบน้ำล้างตัวได้ ส่วนเสื้อผ้าที่ใส่ในแต่ละวันนั้น เขาจะเก็บกลับไปซักที่บ้านในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
ด้วยการปรับตัวให้เข้ากับไลฟ์สไตล์แบบนี้ ค่าใช้จ่ายของเขาในแต่ละเดือนลดลงอย่างมาก โดยจางหยุนไหลชี้ว่าเขามีค่าใช้จ่ายรายวันเฉลี่ยแค่วันละ 100 หยวน (ราว 450 บาท) เท่านั้น ซึ่งรวมค่าอาหารและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แล้ว ในส่วนของที่จอดรถนั้น เขาเสียค่าจอดรถประมาณคืนละ 6 หยวน (ราว 27 บาท) และอีก 20 หยวน (ราว 90 บาท) ตอนนำรถไปจอดที่ออฟฟิศช่วงกลางวัน

ภาพจาก sina
อย่างไรก็ตาม จางหยุนไหลยืนยันว่าการอาศัยอยู่ในรถ
เป็นเพียงสิ่งที่เขาเลือกเพราะเขาแฮปปี้ที่จะใช้ชีวิตแบบนี้เท่านั้น
ไม่ได้เกิดจากปัญหาด้านการเงิน
หรือมีจุดมุ่งหมายในการประหยัดเงินแต่อย่างใด
ในทางกลับกันมันช่วยมอบความรู้สึกเป็นอิสระและความสะดวกสบายแก่เขา
“ผมไม่ได้มีความกดดันด้านการเงินนัก ต่อให้มีคนเสนอที่พักให้ผมฟรี ๆ
ผมก็คงไม่ย้ายไป สภาพแวดล้อมในสวนสาธารณะดีกว่าห้องเช่าทั่วไปมาก
และมันก็มอบอิสระแก่ผม” จางหยุนไหล กล่าว
พูดถึงเรื่องการเงินนั้น แม้การอาศัยอยู่ในรถจะช่วยให้เขาประหยัดเงินได้ราว
100,000 หยวน ในช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา แต่จริง ๆ
แล้วจางหยุนไหลยังเป็นเจ้าของบ้าน 4 ชั้น ขนาด 400 ตารางเมตร
ที่บ้านเกิดของเขา ซึ่งเขาก็จะขับรถกลับไปอยู่ที่บ้านในทุก ๆ สุดสัปดาห์
เพื่อจัดการซักผ้าและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับครอบครัวของเขา
แม้ว่าการเดินทางกลับบ้านเกิด จะหมายถึงการขับรถระยะทางไกลร่วม 300
กิโลเมตร
แต่จางหยุนไหลก็มองว่ามันคุ้มที่เขาจะได้นอนอยู่ที่บ้านตัวเองสัปดาห์ละ 3
คืน และชีวิตในเซินเจิ้นของเขาก็เป็นไปเพื่อการหาเงินล้วน ๆ

ภาพจาก sina
จางหยุนไหล เผยว่า เดิมทีเขาเป็นโปรแกรมเมอร์ที่ทำงานทางไกล
โดยมีรายได้เดือนละ 10,000 หยวน (ราว 45,000 บาท)
แต่เมื่อโปรเจกต์ดังกล่าวจบลง เขาก็ตัดสินใจไปทำงานอยู่ที่เซินเจิ้น
ซึ่งตอนนี้สร้างรายได้แก่เขาเดือนละหลายหมื่นหยวน
“มีโปรแกรมเมอร์มากมายที่ค่อย ๆ ออกจากอาชีพไปเมื่ออายุถึง 35 ปี
แต่ผมโชคดีที่ยังมีงานทำในเซินเจิ้น อย่างไรก็ตาม
ผมมีแผนที่จะทำงานต่ออีกสัก 2-3 ปี
จากนั้นก็จะย้ายกลับบ้านเกิดไปอยู่กับครอบครัวของผม” จางหยุนไหล เผย
ทั้งนี้ เมื่อเรื่องราวของจางหยุนไหลได้รับการเปิดเผย
ก็กลายมาเป็นที่พูดถึงมากมายบนโซเชียลมีเดียของจีน โดยมีคอมเมนต์เช่น “สุขภาพของเขาคงดีมาก ๆ และฤดูหนาวในเซินเจิ้นก็คงจะอุ่นกว่า ฉันอิจฉาทั้ง 2
อย่างเลย” และ “เขาอาจจะใช้เงินทั้งหมดที่หามา ไปกับค่าทางด่วน”
ขอบคุณข้อมูลจาก SCMP