สามี-ภรรยา ผวาถูกหลอกทำประกัน 120 ล้าน เชื่อโดนวางแผนฆ่า ด้านผู้รับผลประโยชน์โต้เดือด ชี้อีกฝ่ายขอให้ทำเอง เพราะติดหนี้กว่า 50 ล้าน

ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
ออกมาร้องสื่อหลังเชื่อว่าถูก วัชรี ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง
วางแผนฆ่าเพื่อเอาเงินประกันกว่า 120 ล้านบาท
หลังอีกฝ่ายชักชวนเธอและสามีให้ทำธุรกิจรับจำนำรถ แต่ระหว่างนั้น โต้ง
ประสบอุบัติเหตุรถชนหลังเดินทางไปกับ นายบอย
คนที่วัชรีประสานมาให้ช่วยตามหาบ้านเช่า แต่โต้งรอดตายอย่างปาฏิหาริย์
จึงอยากที่จะทำประกันชีวิต แต่กลับพบว่าชื่อของโต้งและอุ๊
มีการทำประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุไว้แล้วกว่า 50
ฉบับในระหว่างที่ติดคุกอยู่
หลังจากสืบหาข้อมูลจึงพบว่า
ประกันชีวิตของอุ๊และโต้ง มีชื่อของวัชรีเป็นผู้รับผลประโยชน์
และพบด้วยว่า ตัวแทนคนที่ขายประกันก็คือ พิมพ์พันธุ์และสามี
ทั้งคู่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับอุ๊ และเป็นโจทก์ฟ้องอุ๊กับโต้ง จนติดคุก
ทำให้จึงเชื่อว่าทั้งหมดนี้อาจจะเป็นการวางแผนจัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุเพื่อหวังเงินประกันหรือไม่นั้น

ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
วัชรี โต้สองผัวเมียคือมิจฉาชีพ ชี้อีกฝ่ายเสนอให้ทำประกันเอง ปมติดหนี้อยู่ 50 ล้าน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 9 พฤษภาคม 2568 รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ช่อง 3 รายงานว่า วัชรี
ชี้แจงโดย ยอมรับว่า เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอุ๊และ น.ส.พิมพ์พันธุ์ จริง
มีการทำธุรกิจร่วมกัน แต่ อุ๊และโต้งมีพฤติกรรมเป็นมิจฉาชีพ
โดยก่อนหน้านี้อุ๊และ โต้ง มาขอกู้เงินกับเธอเพื่อไปปล่อยเงินกู้
แต่แล้วก็โกงเธอไปหลายล้านบาท
แล้วยังมีการยืมเงินเธอไปลงทุนเทรดหุ้นเสียหายอีกกว่า 19 ล้านบาท รวม ๆ
แล้วทั้งคู่ติดหนี้เธอกว่า 50 ล้านบาท
เธอจึงพยายามขอเงินคืนพร้อมขู่ไปว่าถ้าไม่คืนก็จะมีการฟ้องร้อง
ส่วนกษิรา
ที่มีชื่อเป็นกรรมการบริษัทและเป็นผู้รับผลประโยชน์จากประกันของโต้ง
วัชรีบอกว่า เธอรู้จัก กษิรา ได้ประมาณ 2 ปี
ก็เป็นมิจฉาชีพมาหลอกให้เธอลงทุนทำธุรกิจร้านอาหารและสุดท้ายก็โกงเธอไปเหมือนกัน
เรื่องการทำประกันชีวิต วัชรีเปิดข้อความแชตที่โต้ง
ส่งหาเธอตั้งแต่ก่อนติดคุกว่า ให้เธอหาบริษัททำประกันให้หน่อย เอาสักก 4-5
ฉบับ เน้นประกันอุบัติเหตุเพื่อจะเอาเงินมาใช้หนี้ให้กับเธอ
ซึ่งเธอก็ไปดำเนินการทำประกันให้ หลังพ้นโทษออกมา
ทั้งคู่ก็เป็นคนขอให้เธอทำประกันให้อีก ยืนยันว่า ทำประกันทุกครั้ง
โต้งรับรู้และทำไม่ต่ำกว่า 10 ฉบับ
ส่วนที่ใส่ชื่อของเธอเป็นผู้รับผลประโยชน์
และในช่องความสัมพันธ์ว่าเป็นภรรยาของโต้ง วัชรี อ้างว่า
เป็นไปตามที่ตกลงกับโต้งไว้แบบนี้ ส่วนที่ทำประกันโดยไม่ได้เห็นหน้ากัน
เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงโควิด ทำผ่านระบบออนไลน์จึงไม่ได้เจอกับตัวแทน
วัชรี ยืนยันว่า ในระหว่างที่โต้งติดคุก ปี 2563
เธอไม่เคยทำประกันสักฉบับให้กับโต้งและอุ๊เลย ส่วนประกันบางฉบับ
เธอยอมรับว่ามีการขอเวนคืนกรมธรรม์จริง เนื่องจากเธอเป็นคนส่งเบี้ย
แล้วส่งไม่ไหว พอครบ 3 ปีจึงขอเวนคืนกรมธรรม์
ประเด็นว่าทำไม วัชรี ต้องจ่ายเบี้ยประกันแทนโต้ง
มีการตกลงอะไรกันไว้หรือไม่ วัชรี บอกว่า ไม่เข้าใจคำถาม
แต่ที่เธอต้องจ่ายเพราะโต้งไม่มีเงิน ระหว่างนั้น วัชรีโทรศัพท์หา สามี
พร้อมบอกกับผู้สื่อข่าวว่า
ให้สัมภาษณ์ต่อไม่ไหวแล้วเธอปวดหัวและสามีก็สั่งไม่ให้สัมภาษณ์แล้ว
จากนั้นไม่นานสามีของวัชรีก็กลับเข้ามาที่บ้านและขอให้ผู้สื่อข่าวหยุดสัมภาษณ์
บอกว่า เรื่องของอุ๊กับโต้งให้ไปคุยกันที่ศาล

ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
ญาติคนฟ้องสองผัวเมียจนติดคุก รับทำกรมธรรม์ให้คู่กรณีจริง แต่ไม่ใช่ช่วงที่ติดคุก
ด้าน น.ส.พิมพ์พันธุ์ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของโต้ง อุ๊และวัชรี
ตัวแทนบริษัทประกันแห่งหนึ่ง ยืนยันว่า
กรมธรรม์ทุกฉบับที่เธอได้ทำให้กับโต้งและอุ๊ ได้รับความยินยอมจากทั้งคู่
เนื่องจากทั้งคู่ติดหนี้วัชรีหลายสิบล้านบาท
จึงขอทำประกันเพื่อหวังใช้หนี้ให้กับวัชรี โดยที่วัชรีเป็นคนจ่ายเบี้ยเอง
พิมพ์พันธุ์ ยืนยันว่า กรมธรรม์ทุกฉบับของอุ๊และโต้งถูกทำขึ้นก่อนติดคุก
บางฉบับที่เห็นว่า ทำขึ้นในระหว่างที่นายโต้งติดคุก
เนื่องจากมีการจ่ายเบี้ยตอนเดือนเมษายน 2563 ไม่กี่วันก่อนที่โต้งจะติดคุก
หลังจากนั้นกรมธรรม์ก็มาอนุมัติในเดือนพฤษภาคม
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โต้งติดคุก
ส่วนเรื่องเอกสารการตรวจสุขภาพนางสาวพิมพ์พันธุ์ระบุว่า ตรงนี้เธอไม่ทราบ
เนื่องจากไม่ใช่ของบริษัทเธอที่ทำประกันฉบับดังกล่าวนั้น
อย่างไรก็ดี พิมพ์พันธุ์ ปฏิเสธว่า
เธอไม่ได้แนะนำให้ใส่ชื่อของวัชรีในประกันของโต้ง โดยระบุว่าเป็นภรรยา
ตามที่พัชรี กล่าวอ้างว่าเธอเป็นคนแนะนำ

ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
ขอบคุณข้อมูลจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์