KUBET – อดีต พนง. แฉคลินิกจากนรก ขวดโบท็อกซ์แตก ยังฉีดให้ลูกค้า – เปิดลิสต์วีรกรรมสุดทน

          อดีต พนง. แฉคลินิกเสริมความงามในเชียงใหม่ ขวดโบท็อกซ์แตก ยังเก็บมาฉีดให้ลูกค้า ข่มขู่กดขี่ พนง. จนลาออกกันทุกเดือน พบให้คนที่ไม่ใช่หมอใช้เครื่องมือแพทย์



อดีต พนง. แฉคลินิกจากนรก ขวดโบท็อกซ์แตก ยังฉีดให้ลูกค้า
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 เพจ ท่านเปา ออกมาแฉเรื่องราวของคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของกิจการมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายหลายอย่าง พร้อมเปิดภาพตู้เย็นที่ใช้เก็บยา ซึ่งมีการจัดวางอย่างไม่เป็นระเบียบ บางจุดพบว่ามีขวดในลักษณะเปิดใช้แล้วเก็บรวมอยู่ด้วย

          โดยระบุว่า คลินิกทำสวยกลางเมืองเชียงใหม่สร้างเรื่อง “ขวดโบแตกตกพื้น ดูดกลับมาฉีดให้ลูกค้า พนักงานทำยอดไม่ถึงไล่ให้ไปตุย ทุกอย่างในร้านคือของปลอม”

          เรื่องที่เกิดขึ้นได้รับการร้องเรียนจากอดีตพนักงานของคลินิกเสริมความงามดังกล่าว เพื่อให้ช่วยตรวจสอบและเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบกว่า 100 ราย

          – เจ้าของคลินิกใช้ถ้อยคำข่มขู่พนักงานในที่ทำงาน ทั้งต่อหน้าและผ่านข้อความไลน์

          – มีการส่งภาพที่ไม่เหมาะสมให้กับพนักงานผ่านช่องทางส่วนตัว รวมทั้งขู่ว่าจะไม่จ่ายเงินเดือนหากพนักงานไม่ทำยอดขายตามเป้า

          – บังคับไม่ให้กลับบ้านแม้จะล่วงเลยเวลางานมาหลายชั่วโมงจนกว่าจะทำยอดได้

          – ไม่มีการจ่ายค่าคอมมิชชั่นตามที่ได้ตกลงไว้

 อดีต พนง. แฉคลินิกจากนรก ขวดโบท็อกซ์แตก ยังฉีดให้ลูกค้า
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

         – เมื่อพนักงานขอแจ้งลาออกอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ก็ไม่ยอมคืนเงินค่าประกันงานที่หักไว้

         
– มีการโทร. ข่มขู่ทางบ้านของพนักงานที่ลาออก โดยชอบใช้คำว่า ลูกของท่าน
หลานของท่าน เพื่อนของท่าน ทำบริษัทเสียหายหลายล้านบาท
พร้อมขู่จะดำเนินคดีตามกฎหมายหากทำให้คลินิกเสื่อมเสียชื่อเสีย

          – มีการหักเงินประกันสังคมจากเงินเดือนแต่ไม่ได้นำส่งตามสิทธิของพนักงาน

         
– พนักงานจำนวนมากไม่สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมนี้ได้ รวมถึงการกดดัน
บี้ยอดขาย ทำให้มีการลาออกเป็นประจำบางครั้งทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน

         

พฤติกรรมดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและความมั่นคงในชีวิตของพนักงานจำนวนมาก
จึงอยากให้ช่วยตรวจสอบและสะท้อนปัญหานี้สู่สาธารณะ
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกับผู้เสียหายรายอื่นต่อไป

          – มีการใช้เครื่องมือแพทย์โดยคนทำที่ไม่ใช่หมอ

          – การแขวนป้ายชื่อหมอโดยที่ไม่ได้มีหมอคนนั้นประจำอยู่ในคลินิกและไม่ใช่หมอเฉพาะทาง

          ทางเพจยังระบุว่า “ไม่ใช่แต่ที่เชียงใหม่ครับ ยังมีอีกเยอะมากที่เป็นแบบนี้”
 

อดีต พนง. แฉคลินิกจากนรก ขวดโบท็อกซ์แตก ยังฉีดให้ลูกค้า
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ท่านเปา

KUBET – เสียงกรีดร้องปริศนา ดังออกมาจากในรถ ส่องชัด ๆ รถสั่นหนักมาก

          เดินอยู่ที่จอดรถชั้นใต้ดิน จู่ ๆ เห็นรถ SUV ขยับเป็นจังหวะ แถมมีเสียงหญิงกรีดร้องลอยมา ควรเข้าไปช่วยดีไหม



เสียงร้องปริศนาจากในรถ
ภาพจาก Weibo

          วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์ Mirror Media รายงานว่า โลกอินเทอร์เน็ตจีนกำลังแชร์คลิปซึ่งเป็นไวรัล เผยเสียงกรีดร้องปริศนาของผู้หญิงในลานจอดรถ แต่ต้นตอของเสียงนั้นดูเหมือนจะไม่ได้เป็นการขอความช่วยเหลือแต่อย่างใด งานนี้จึงไม่มั่นใจว่าควรเข้าไปช่วยดีหรือไม่

          คลิปดังกล่าวมีความยาว 27 วินาที
เผยให้เห็นภาพของที่จอดรถใต้ดินในตึกแห่งหนึ่ง สังเกตว่ารถ SUV
สีดำคันหนึ่งจอดอยู่ แต่รถกลับสั่นเป็นจังหวะ เมื่อลองฟังดี ๆ
จะได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องเล็ดลอดมาจากรถคันดังกล่าว
โดยเจ้าของคลิปเหมือนจะค่อย ๆ เดินไปสำรวจ
แต่ยังไม่ทันได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นคลิปปก็ตัดไปเสียก่อน

รถสั่น
ภาพจาก Weibo

          หลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่ไป
ปรากฏว่าชาวเน็ตต่างแห่คาดเดาที่มีกันไปต่าง ๆ นานา
โดยบางส่วนถึงกับถามว่า ทำไมไม่ยอมไปช่วยเหลือหญิงที่กรีดร้อง
เธออาจจะกำลังถูกทำร้ายก็ได้ บ้างก็จินตนาการไปไกลจนไม่กล้าดูจนจบเลยก็มี

          นอกจากนี้
ชาวเน็ตบางส่วนยังคาดเดาสุดพีคว่า
ถ้าสามีของหญิงสาวได้รู้เขาน่าจะช่วยเหลือได้
บ้างก็เชื่อว่าต่อให้ไปถ่ายใกล้กว่านี้ คนในรถก็ไม่น่าจะรู้ตัว
เพราะสองคนน่าจะกำลังโฟกัสกับเรื่องอื่นอยู่ เป็นต้น

เสียงร้องในรถ
ภาพจาก Weibo

ขอบคุณข้อมูลจาก Mirror Media

KUBET – หนุ่ม กรรชัย แจงปมฟ้อง เบียร์ เดอะวอยซ์ จบที่ศาลดีที่สุด – เปิดใจเรื่องวีนทีมงาน

          หนุ่ม กรรชัย แจงปมฟ้อง เบียร์ ภัสรนันท์ จบที่ศาลดีที่สุด ย้ำไม่เคยติดใจน้อง แต่อย่าล้ำเส้น ชี้ประเด็นดราม่าโวยทีมงาน อยากให้เข้าใจ ถ้ามีอะไร ใครที่โดนฟ้อง



หนุ่ม กรรชัย

          จากกรณีของ หนุ่ม กรรชัย  ซึ่งมีประเด็นฟ้องนักร้องสาว เบียร์ ภัสรนันท์ หรือ เบียร์ เดอะวอยซ์ นั้น ล่าสุด (9 พฤษภาคม 2568) หนุ่ม กรรชัย เปิดใจว่า จริง ๆ ตนไม่อยากฟ้องร้องใคร โดยเฉพาะคนในวงการบันเทิง พอเป็นเรื่องนี้มันดูไม่เหมาะไม่ควร มีการเข้าใจบางเรื่องไปเอง พยายามชี้แจงหลายครั้งแต่ไม่จบสักที จำต้องมีคนกลางมาตัดสินเพื่อให้เรื่องจบ ซึ่งตนคิดว่าศาลน่าจะดีที่สุด

          ก่อนหน้านี้ที่มีคนกลางช่วยสื่อสารกับคู่กรณีให้ ตนไม่แน่ใจว่าสารส่งไปถึงปลายทางอย่างไร แต่ตนไม่ได้มีเจตนาร้าย และแน่นอนว่าไม่ได้มีการขอโทษ ยืนยันว่าตนไม่ได้บังคับหรือข่มขู่ใครให้ทำอะไร มองว่าคำพูดเหล่านี้เป็นการกล่าวหาตนไปนิดนึง

          ปกติก็ชอบเไกล่เกลี่ยหลังบ้าน เพราะไปศาลคงเหนื่อย ไม่คิดว่าจะต้องใช้วิธีนี้ หลังจากที่ฟ้องไปก็ไม่ได้มีการติดต่ออะไรกัน คงต้องไปดูที่ศาล ถ้าจบไม่ได้ก็คุยไปตามกระบวนการ

          ทั้งนี้ ด้วยอายุของตนเป็นรุ่นพี่ สิ่งไหนที่น้องอยากจะคุยก็ยินดี มันไม่ได้มีอะไร เรื่องนี้แค่ต้องปรับและคุยกัน ถ้าเขาจะฟ้องกลับก็เป็นสิทธิ์ของเขา ตนแค่ปกป้องสิทธิ์ของตนในคำพูดบางคำที่มันหมิ่นประมาทและกล่าวหา ศาลก็จะมีหมายศาลเพื่อเรียกตัวไปให้ข้อมูล เพราะคนกลางก็คงจะลำบากใจที่จะไปเข้าข้างฝั่งใดฝั่งหนึ่ง

          หนุ่ม กรรชัย ยังชี้แจงความสัมพันธ์กับ เบียร์ เดอะวอยซ์ ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักน้อง ไม่เคยเจอกัน ไม่เคยทำงานร่วมกัน แต่รู้ว่าเขาเป็นใคร ซึ่งนัดแรกตนจะไปไต่สวนกับศาลในเดือนกรกฎาคมนี้ แต่หากฟ้องแล้วอีกฝ่ายยังโต้ตอบอยู่ ตนก็รู้สึกเฉย ๆ มาก ไม่เป็นไร แล้วแต่ตัวอีกฝ่าย ไม่ได้โกรธหรืออะไรเลย เพียงแค่อย่ากล่าวหา อย่าล้ำเส้นเกินไป

เบียร์ เดอะวอยซ์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Bizcuitbeer

แจงปมวีนทีมงานโหนกระแส ลั่นถ้าโดนฟ้อง ตัวเองที่โดน

         
ส่วนปมวีนทีมงานในรายการโหนกระแสหลายรอบ
ทั้งเรื่องขึ้นภาพผิดหรือไม่ได้เบลอภาพนั้น ตนอยากให้เข้าใจว่าตนเหนื่อย
เหมือนทำงานอยู่คนเดียว ทีมงานต้องช่วยซัพพอร์ต
เพราะทำรายการสดมันคัตออกไม่ได้ มันเหมือนงานในครัวที่รอเครื่องปรุง
แต่เครื่องปรุงยังไม่มา

          ทีมงานรู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะทำอะไร
หากเรียกภาพก็ต้องเสิร์ฟ มันรอไม่ได้เพราะคนดูรายการอยู่
สุดท้ายต้องทำงานร่วมกันให้ได้ อีกอย่างการเบลอภาพเพื่อเคารพสิทธิของเขา
เพราะเวลาโดนฟ้อง คนที่โดนฟ้องคือตนไม่ใช่ทีมงาน
ตนก็ไม่ได้คิดอะไรมากหากมีคนบอกว่าวีนเพราะวัยทอง
เพราะมันเป็นเรื่องปกติของตน เชื่อว่าพิธีกรคนดัง พุทธ อภิวรรณ
เป็นมากกว่าตนอีก

          หนุ่ม กรรชัย กล่าวต่อว่า
ต้องขอโทษทุกคนด้วย แต่บางครั้งวิธีการทำงานมันแย่จริง ๆ
เพราะอยากให้ทีมงานมันพร้อม เรื่องจะได้กระชับ คนดูจะได้ไม่ต้องนั่งรอ
และไม่ได้ล้ำเส้นคนอื่น ไม่นอยด์ที่หลายคนมองตนแบบนั้น
แต่สิ่งที่รู้สึกแย่กว่านั้นคือการเบลมเหยื่อหรือกล่าวโทษเหยื่อ
ถ้าตนเห็นคอมเมนต์แบบนั้นก็บล็อกจริง

หนุ่ม กรรชัย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก หนุ่ม กรรชัย

หนุ่ม กรรชัย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก หนุ่ม กรรชัย

เบียร์ เดอะวอยซ์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Bizcuitbeer

เบียร์ เดอะวอยซ์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Bizcuitbeer

ขอบคุณข้อมูลจาก NineEntertain

KUBET – วีนา ปวีนา คว้ามงฯ มิสยูนิเวิร์ส สระบุรี 2025 แบบไม่พลิกโผ พร้อมชิงมง MUT 2025

KUBET – ลูกสาวฟ้องแม่วัย 91 ปี หลังถูกไล่ออกจากบ้านที่กินอยู่ฟรีนาน 31 ปี

         ลูกสาวฟ้องร้องแม่สูงอายุ วัย 91 ปี ฉุนโดนไล่ออกจากบ้าน หลังกินอยู่อาศัยฟรีมายาวนาน 31 ปี ล่าสุดศาลตัดสินแล้วให้ฝ่ายใดชนะ



ลูกสาวลุยฟ้อง แม่สูงวัย อายุ 91 ฉุนโดนไล่ออกจากบ้าน
 ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          วันที่ 9 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์ World of buzz รายงานว่า เกิดข้อพิพาทชวนปวดร้าวในครอบครัว เมื่อลูกสาวเดินหน้าฟ้องร้องแม่อายุ 91 ปี เพราะไม่พอใจที่ถูกไล่ออกจากบ้าน หลังจากที่เธออาศัยอยู่กับครอบครัวแบฟรี ๆ มายาวนาน 31 ปี

          รายงานระบุว่า ริต้า หญิงชาวสิงคโปร์ เป็นลูกสาวของพ่อแม่ซึ่งทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต่อมาในปี 2528 เธอได้แต่งงานและออกจากบ้านไป ซึ่งหลังจากหย่าร้าง เธอกับลูกชายได้ย้ายกลับมาอยู่ในบ้านของครอบครัวอีกครั้ง โดยอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่บริษัทซื้อไว้ในปี 2537

          ตลอดระยะเวลา 36 ปี ริต้า ที่ ริต้า ทำงานในธุรกิจของครอบครัว นอกจากจะมีบ้านให้อยู่ฟรี เธอยังได้รับเงินเดือน 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 51,000 บาท) และยังได้รับพิเศษจากแม่อีกเดือนละ 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 25,000 บาท)

          อย่างไรก็ดี รอยร้าวระหว่างเธอกับคนในครอบครัวเกิดขึ้นภายหลังจากที่เธอนั้นแอบยื่นเรื่องเพื่อดูแลผลประโยชน์ให้กับ คุณพ่อ อายุ 93 ปี ซึ่งมีอาการทางสมอง แต่ต่อมากลับพบว่า คุณพ่อ ได้มอบอำนาจดังกล่าวให้กับพี่ชายทำหน้าที่แทนไปแล้ว

          ต่อมา ริต้า กล่าวหาว่าพี่ชายของเธอได้บังคับให้พ่อแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้จัดการมรดก และได้ยื่นฟ้องต่อศาลครอบครัวเพื่อระงับการมอบอำนาจดังกล่าว ในช่วงเวลาเดียวกัน เธอยังยื่นขอคำสั่งคุ้มครอง โดยกล่าวอ้างว่าพี่ชายใช้ความรุนแรงในครอบครัว

ลูกสาวลุยฟ้อง แม่สูงวัย อายุ 91 ฉุนโดนไล่ออกจากบ้าน

          ระหว่างนั้น ริต้า
พยายามให้แม่เซ็นเอกสารโดยไม่เปิดเผยรายละเอียดของเนื้อหา
ซึ่งแม่ของเธอมองว่าลูกสาวนั้นมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวและพยายามบีบบังคับให้เธอเซ็นเอกสารดังกล่าวให้ได้
จนเกิดเป็นข้อบาดหมางระหว่างแม่และลูกสาวอย่างร้าวลึกเกินเยียวยา

         
ก่อนการพิจารณาคดี 1 สัปดาห์ แม่ของริต้า ประสบความสำเร็จในการยื่นสั่งให้
ริต้า ออกจากบ้าน หลังได้รับมติจากกรรมการบริษัทว่า
สมาชิกในครอบครัวที่จะเข้าไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์ของบริษัทได้นั้น
จากนี้จะไม่มีชื่อของ ริต้า อีกต่อไป หลังจากมีคำสั่งดังกล่าว
เธอถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยห้ามเข้าอพาร์ตเมนต์
ซึ่งมีการนำสัมภาระส่วนตัวของเธอถูกบรรจุลงในกล่องและวางไว้ตั้งไว้ที่ทางเดิน

         
จากเรื่องนี้ ริต้า ยื่นฟ้องเพื่อขอคืนการครอบครองอพาร์ตเมนต์
และเรียกร้องค่าชดเชยค่าที่พักในโรงแรม
และเรียกร้องความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวเธอ โดยโต้แย้งว่า
เธอมีสิทธิ์ที่จะอยู่ในอพาร์ตเมนต์
โดยอ้างข้อตกลงกับผู้ปกครองและบริษัทที่อนุญาตให้เธออาศัยอยู่ที่นั่นโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่า
อย่างไรก็ตาม แม่ของริต้า ปฏิเสธข้อตกลงดังกล่าว
โดยชี้ว่าไม่มีข้อสนับสนุนใดบอกว่า ริต้า
จะสามารถอยู่อาศัยในอพาร์ตเมนต์ไปได้เรื่อย ๆ โดยไม่มีเวลาจำกัด

         
หลังจากพิจารณาข้อโต้แย้งของทั้งสองฝ่ายแล้ว
ผู้พิพากษาพบว่าพยานหลักฐานเบื้องต้นของริต้าไม่เพียงพอ
ก่อนจะตัดสินใจแม่ของริต้าเป็นฝ่ายชนะคดี

ขอบคุณข้อมูลจาก World of Buzzz, Sinchew

KUBET – ลำไย ไหทองคำ เขินบิด บอส เอวหวาน หลุดปากเรียกคำนี้ กลางไลฟ์ ชาวเน็ตแซะยับ

KUBET – รวบ เป้ คัลเลอร์ รัดคอแฟนสาวหมกห้องแอร์ หวังตายตามแต่เปลี่ยนใจ

         รวบ เป้ คัลเลอร์ รัดคอแฟนสาวก่อนเปิดแอร์หมกไว้ อ้างฉุนฝ่ายหญิงท้าทายให้ฆ่า คิดย้อมใจจบชีวิตตามแต่ไม่กล้า คนเศร้าเห็นภาพแมวอยู่เฝ้าร่าง



รวบ เป้ คัลเลอร์ รัดคอแฟนหมกห้องแอร์
ภาพจาก ข่าวช่องวันเสาร์-อาทิตย์

          วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตภายในห้องเช่า หมู่ 3 ต.บ้านคลอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบร่าง น.ส.กฤติกานต์ อายุ 28 ปี เสียชีวิตอยู่บนเตียง สภาพมีรอยฟกช้ำบริเวณลำคอ แผ่นหลัง และฝ่ามือทั้งสองข้าง

          ต่อมา ตำรวจสามารถควบคุมตัว นายสุรศักดิ์ อายุ 31 ปี แฟนหนุ่มของผู้ตาย อยู่ในที่เกิดเหตุสภาพอิดโรย พร้อมให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ โดยหลังก่อเหตุตั้งใจจะผูกคอตายตาม แต่สุดท้ายเปลี่ยนใจและตัดสินใจเข้ามอบตัว

รวบ เป้ คัลเลอร์ รัดคอแฟนหมกห้องแอร์
ภาพจาก ข่าวช่องวันเสาร์-อาทิตย์


          ขณะที่ เดลินิวส์ รายงานว่า ตำรวจคุมตัว นายสุรศักดิ์ มาทำแผนบริเวณที่เกิดเหตุ โดยผู้ก่อเหตุเล่าว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6-10 พฤษภาคม ตนเองกับแฟนไปเที่ยวที่เกาะช้าง ตลอดทริปเกิดมีปากเสียงกันมาตลอด เมื่อกลับมาถึงห้องพักก็ยังคงทะเลาะกันรุนแรง พร้อมอ้างว่าผู้ตายได้พูดท้าทายว่า “ฆ่าให้ได้ถ้าแน่จริง” ทำให้เกิดความโมโห ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ใช้มือบีบคอไป 1 ครั้ง แต่เมื่อเห็นว่ายังมีชีวิตอยู่ จึงเกิดการทะเลาะกันอีกครั้ง จึงใช้สายชาร์จโทรศัพท์รัดคอจนแน่นิ่ง จากนั้นเปิดเแอร์ทิ้งไว้เพื่อหมกศพของแฟนไว้ในห้องพัก

รวบ เป้ คัลเลอร์ รัดคอแฟนหมกห้องแอร์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อย v+

รวบ เป้ คัลเลอร์ รัดคอแฟนหมกห้องแอร์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อย v+

รวบ เป้ คัลเลอร์ รัดคอแฟนหมกห้องแอร์
ภาพจาก ข่าวช่องวันเสาร์-อาทิตย์

          หลังก่อเหตุ นายสุรศักดิ์
สารภาพว่ารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำอย่างมาก พยายามที่จะฆ่าตัวตายตาม
แต่ไม่กล้า จึงออกจากห้องพักไปซื้อเบียร์มาดื่มย้อมใจ
หวังว่าจะกล้าลงมือจบชีวิตตัวเองได้ แต่ก็ยังไม่ทำไม่ได้
ก่อนที่หลบหนีออกจากห้องพักในช่วงเย็นของวันที่ 10 พฤษภาคม
กระทั่งถูกตำรวจจับกุมตัวได้ในวันเดียวกัน

รวบ เป้ คัลเลอร์ รัดคอแฟนหมกห้องแอร์
ภาพจาก ข่าวช่องวันเสาร์-อาทิตย์

         
เบื้องตจ้นตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากเพื่อนของผู้ตาย สังเกตถึงความผิดปกติ
เพราะผู้ตายไม่ได้ไปทำงาน และไม่สามารถติดต่อได้
จึงแวะไปดูที่ห้องก็พบว่าเป็นศพนอนเสียชีวิต ส่วนผู้ก่อเหตุ นายสุรศักดิ์
มีฉายาในวงการว่า เป้ คัลเลอร์ เป็นที่รู้จักในกลุ่มวัยรุ่นแต่งรถซิ่ง
เนื่องจากรับงานทำสีรถ มักมีนิสัยอารมณ์ร้อน ชอบทำร้ายร่างกายแฟน ซึ่ง
น.ส.กิตติกานต์ เพิ่งคบหากับนายสุรศักดิ์ได้ไม่นาน
ฝ่ายหญิงทำงานเป็นพนักงานแผนกเครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้าในพิษณุโลก
โดยเพื่อนของผู้ตายหลายคนเคยเตือนเรื่องการคบหากับฝ่ายชายแล้ว
แต่สุดท้ายก็เกิดเหตุการณ์สลดขึ้น

รวบ เป้ คัลเลอร์ รัดคอแฟนหมกห้องแอร์
ภาพจาก ข่าวช่องวันเสาร์-อาทิตย์

          นอกจากนี้่พบว่า
นายสุรศักดิ์ เขียนจดหมายลาตายไว้ด้วย ใจความว่า ขอโทษทุกคน ผมเหนื่อยมาก
ผมทำทุกอย่างให้มันดี แต่มันก็แย่ลง ทุกวันนี้ผมไม่เคยมีความสุขเลย
ส่วนในห้องพักที่เกิดเหตุ นอกจากร่างของฝ่ายหญิงผู้เสียชีวิตแล้ว
ยังพบว่ามีแมวที่เลี้ยงไว้อีก 1 ตัว อยู่ในจุดเกิดเหตุ
โดยแอบอยู่บริเวณใต้เตียง
จนสร้างความเห็นใจให้กับผู้คนที่ติดตามข่าวเป็นอย่างมาก

รวบ เป้ คัลเลอร์ รัดคอแฟนหมกห้องแอร์
ภาพจาก ข่าวช่องวันเสาร์-อาทิตย์

ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3, เดลินิวส์, ข่าวช่องวันเสาร์-อาทิตย์ 
 

KUBET – บุฟเฟต์พรีเมียม ร้านดัง จ่อปิดสาขากลางสยาม เปิดถึงแค่ 18 พ.ค. นักกินแอบเศร้า

          บุฟเฟต์นานาชาติร้านดัง ประกาศปิดสาขาใจกลางสยาม นักกินแอบเศร้า ตามไปกินได้ถึงวันสุดท้าย 18 พ.ค.



บุฟเฟต์พรีเมียม ร้านดัง จ่อปิดสาขากลางสยาม
 ภาพจาก เฟซบุ๊ก Wisdom International Buffet

          เป็นข่าวที่ทำให้บรรดานักกินแอบเศร้าไปตามกัน หลังจากเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ร้านบุฟเฟต์ดังอย่าง Wisdom International Buffet ซึ่งให้บริการอาหารบุฟเฟต์นานาชาติ 4 สัญชาติ สไตล์ Fine Dining สุดพรีเมียม ออกมาประกาศผ่านเพจของทางร้าน เตรียมปิด Wisdom Buffet สาขา สยามสแควร์วัน ชั้น 5 โดยจะเปิดให้บริการวันสุดท้าย ในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้

          ทางเพจ ระบุว่า ขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุน และเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำที่ดีในสาขาสยามสแควร์วัน ชั้น 5 มาโดยตลอด ทั้งนี้ คุณลูกค้าสามารถใช้บริการแทนได้ที่สาขา พารากอน ชั้น 4 หรือสาขาใกล้เคียงอื่น ๆ

บุฟเฟต์พรีเมียม ร้านดัง จ่อปิดสาขากลางสยาม
 ภาพจาก เฟซบุ๊ก Wisdom International Buffet

บุฟเฟต์พรีเมียม ร้านดัง จ่อปิดสาขากลางสยาม
 ภาพจาก เฟซบุ๊ก Wisdom International Buffet

          สำหรับ Wisdom International Buffet สาขาอื่นที่ยังเปิดให้บริการ มีดังนี้

          – The Promenade ชั้น 2

          – Mega Bangna ชั้น 1

          – Siam Paragon ชั้น 4

          – Future Park Rangsit ชั้น 2

          – The Mall Lifestore Bangkapi ชั้น 1

          – The Mall Lifestore Bangkae ชั้น 3

          – Central Westgate ชั้น G 

KUBET – อุทาหรณ์ ลูกทำสีผม แต่หนังศีรษะบวม แผลติดเชื้อมีหนอง ต้องผ่าตัด หวังร้านรับผิดชอบ

          อุทาหรณ์ ลูกทำสีผมที่ร้าน กลับทำหนังศีรษบวม แผลติดเชื้อมีหนอง ต้องผ่าตัด 2 รอบ เตือนใจจะทำอะไร ต้องทำกับผู้เชี่ยวชาญ



ทำสีผมหนังศีรษะเป็นแผล
ภาพจาก เฟซบุ๊ก สตางค์เล่าเรื่อง

          วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 เฟซบุ๊ก สตางค์เล่าเรื่อง ออกมาเผยเรื่องราวเตือนภัยเกี่ยวกับการทำสีผม หลังมีวัยรุ่นผู้โชคร้ายไปทำสีผมที่ร้านแห่งหนึ่ง แต่เจอช่างที่ขาดความชำนาญ จนสุดท้ายหนังศีรษะบวม มีหนอง แผลติดเชื้อ จนต้องทำการผ่าตัด ซึ่งทางครอบครัวหวังให้ทางร้านแสดงความรับผิดชอบ

          โดยระบุว่า น้องอายุ 16 เป็นนักกีฬาของจังหวัด เริ่มแรกน้องไปทำสีผมที่ร้านทำผมแห่งหนึ่งใน จ.แพร่ ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2568 พร้อมเพื่อนอีก 2 คน น้องแสบร้อนที่หัว ทางร้านล้างออกให้หลังจากน้องมีอาการ แต่หัวน้องบูดบวมละปริ มีน้ำใส ๆ ซึมออกมา และผมน้องเป็นสังกะตังออกจากร้านมา

          แต่น้องมีภารกิจเดินทางไปแข่งกีฬาแห่งชาติที่ จ.ชลบุรี โดยไม่ได้พบหมอตั้งแต่แรก ได้แต่ยาทาแผล กลับมาแม่พาไปพบหมอผิวหนังแห่งหนึ่ง 2 ครั้ง แต่ไม่ดีขึ้น แม่ก็เปลี่ยนหมอก็ยังไม่ดีขึ้น จนหัวน้องเป็นแผลลาม และน้องแพ้ยาที่คุณหมอใช้รักษาจนผื่นขึ้นทั้งตัว

          กลับมาจากภารกิจ แม่พาน้องเข้าหาหมอที่ รพ.แพร่ เมื่อวันที่ 28 หมอให้น้องแอดมิตเนื่องจากแผลติดเชื้อ กินไประดับ 3 ของหนังศรีษะ หมอทำการผ่าตัดครั้งแรกวันที่ 30 เมษายน และจะทำการผ่าตัดครั้งที่ 2 ในวันที่ 14 พฤษภาคม เพื่อนำหนังตรงขามาปะให้น้อง

เตือนภัยทำสีผม
ภาพจาก เฟซบุ๊ก สตางค์เล่าเรื่อง

          แม่ไม่มีปัญญาไปสู้รบปรบมือกะทางร้าน แม่เกรงใจคนที่พาไปทำจึงยังไม่ได้เข้าไปคุยกับทางร้าน แม่ขอความเห็นใจแม่ขอเตือนภัยในโพสต์นี้ สำหรับคนที่ชอบทำสีผมกับช่างที่ไม่มีความชำนาญและใช้ผลิตภัณฑ์ไม่มีคุณภาพ แม่วอนขอให้คุณหมอที่เชี่ยวชาญมารักษาน้องเพราะน้องยังเด็ก และขอให้ทางร้านออกมารับผิดชอบและเยียวยาให้น้องด้วย

          นอกจากนี้ สตางค์เล่าเรื่อง ยังเล่าอีกว่า
แม่ของน้องร้องไห้ตลอดและขอให้ตนช่วยเหลือน้อง
ซึ่งจากประสบการณ์เป็นช่างทำผม การฟอกผมต้องใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3%
หรือ 6% ในการฟอกผม ต้องไม่ชิดโคนจนเกินไปเพราะหนังศีรษะเรามีความร้อน
ถ้าชิดโคนมากเกินไปลูกค้าจะแสบหนังศีรษะ
ยิ่งใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เปอร์เซ็นต์สูง 9% หรือ 12%
ยิ่งมีโอกาสทำให้เกิดอาการแพ้สูง หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์จะกัดหนังศีรษะ
ทำให้เกิดแผลและเกิดอาการแพ้ได้

          ในกรณีน้องอายุ 16
ไม่เคยทำเคมีใด ๆ ทั้งสิ้นอาจทำให้แพ้สารเคมี
หรือช่างลงครีมฟอกบนหนังหัวโดยตรง โดยขาดความชำนาญในการทำงาน
แม่น้องชี้ว่าได้ทำการรักษาตั้งแต่เกิดแผลบนหนังศีรษะ
แต่อาการไม่ดีขึ้นเลยรักษาตามคลินิกแพทย์ผิวหนัง
แต่ก็ไม่หายจนต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาล
และแผลที่หนังศีรษะก็ได้ลุกลามไปเรื่อย ๆ จึงขอเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์
ว่าจะทำอะไรก็ตามต้องทำกับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

อุทาหรณ์ทำสีผม

ทำสีผมแผลติดเชื้อ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก สตางค์เล่าเรื่อง

KUBET – หญิงพบ จม.เก่า หลังสามีตาย ตัดสินใจไปรับพ่อสามีถึงที่ น้ำตาซึมเมื่อเห็นของที่เขาเก็บไว้ให้

          หญิงไม่เคยเจอพ่อสามี จนได้เห็นจดหมายเก่า ตัดสินใจเดินทางไกล 5,000 กม. ไปรับพ่อสามีถึงที่ ก่อนรู้ความจริงชวนน้ำตาซึม



ลูกสะใภ้เดินทางไปหาพ่อสามี

          วันที่ 8 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์ SOHA เผยเรื่องราวของ หลินซิน หญิงวัย 42 ปี ที่ทำงานเป็นหัวหน้าบัญชีของบริษัทก่อสร้างในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เรื่องที่เธอจะเล่าไม่ใช่แค่การเดินทาง 5,000 กิโลเมตร ไปหาพ่อสามีที่ขาดการติดต่อไป แต่ยังเป็นการเผยความจริงที่ทำให้เธอต้องเสียน้ำตา

          หลินซิน เล่าว่า สามีของเธอป่วยหนักและเสียชีวิตไปนานกว่า 1 ปีแล้ว หลังจากเสร็จพิธีศพเธอก็พยายามสู้ เพราะลูก 2 คนยังเล็ก แม้ว่าการจัดการงานบ้าน การทำงาน และเลี้ยงลูกตามลำพัง ทำให้บางครั้งเธอก็อยากยอมแพ้ก็ตาม

          ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เธอคาใจ นั่นคือพ่อของสามีที่ขาดการติดต่อไป ไม่แม้แต่จะมางานศพของลูกชาย โดยช่วงที่สามียังมีชีวิต เขากับพ่อแทบจะไม่ค่อยได้คุยกัน ความสัมพันธ์ค่อนข้างเหินห่าง เธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้เพียงว่าหลังจากสามีเข้าเมืองมาเรียนมหาวิทยาลัย เขาก็แทบไม่ติดต่อพ่ออีกเลย ตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา พวกเธอใช้ชีวิตโดยแทบจะไม่มีพ่อสามีมาเกี่ยวข้อง เขาเองก็ไม่เคยโทร. ไปถามพ่อว่าเป็นอย่างไร ไม่เคยเปรยว่าจะชวนมาอยู่ด้วยกัน

          จนเมื่อสามีจากไป อยู่ ๆ หลินซินก็ค้นพบจดหมายจำนวนหนึ่งที่ส่งมาจากทิเบต ถูกเก็บไว้ในกล่องจดหมายเก่า ๆ ทั้งหมดลงชื่อว่า “พ่อ” จดหมายเหล่านี้ถูกส่งมาเกือบทุกปี แต่ทั้งหมดกลับถูกเก็บใส่ลิ้นชักไว้ เธอไม่รู้ว่าระหว่างพ่อลูกมีเรื่องอะไรกัน แต่เมื่อได้เห็นลายมือที่เขียนสั่น ๆ กับข้อความที่เต็มไปด้วยความรักจากพ่อ ทำให้เธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู๋ และตัดสินใจว่าจะไปตามหาพ่อสามี

ภารกิจเดินทางไกล สู่การพบความจริงที่ไม่เคยรู้

         
เนื่องจากพ่อสามีไม่มีโทรศัพท์มือถือ หลินซินจึงโทร. ติดต่อหาคนอื่น ๆ
ในหมู่บ้านจนได้ที่อยู่ จากนั้นก็ขับรถระยะทางไกล 5,000 กิโลเมตร
จากเซี่ยงไฮ้ไปหาพ่อสามีที่ทิเบต โดยฝากให้ตากับยายดูแลหลานชั่วคราว

         
การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาเกือบเดือน เธอต้องฝ่าฝน ฝ่าหิมะ
และเส้นทางบนภูเขาสุดอันตราย แต่ด้วยความมุ่งมั่นในที่สุดเธอก็ไปถึง
ในตอนนั้น พ่อสามีนั่งรอเธออยู่ในบ้านไม้หลังเล็ก ๆ และมองดูเธออย่างอึ้ง ๆ
ราวไม่อยากเชื่อสายตา
ว่าลูกสะใภ้ที่อยู่ไกลจะเดินทางข้ามประเทศมาหาเขาจริง ๆ

         
“พ่อคะ ฉันมารับพ่อไปอยู๋กับหลาน ๆ แล้วนะ
เราคงอยู่ไม่ได้ถ้าพ่อไม่ได้ไปอยู่กับเรา” หลินซิน กล่าว
และนั่นทำให้ชายชราน้ำตาไหล

          น่าประหลาดใจที่ตอนนั้น
พ่อสามีเพียงยื่นกล่องไม้ใบหนึ่งมาให้โดยไม่พูดอะไร
เมื่อเปิดดูพบว่าภายในมีสมุดบัญชีธนาคาร ซึ่งมีเงินกว่า 800,000 หยวน (ราว
3.6 ล้านบาท) พร้อมจดหมายอีกหลายสิบฉบับที่เขาเขียนถึงลูกชาย
แต่ไม่เคยได้ส่งไป

          “พ่อทำแบบนี้ทำไมคะ” หลินซิน ถาม

          พ่อสามีก็ตอบกลับช้า
ๆ เล่าว่า เขารู้ถึงความผิดพลาดในอดีตของตัวเอง ตอนที่ภรรยาของเขาจากไป
เขาเศร้ามากจนเอาแต่ดื่มเหล้าและทุบตี ด่าทอลูกชาย
เมื่อลูกชายจากบ้านเกิดไปเมืองใหญ่ เขาก็ไม่กล่าวโทษอะไรลูก
แต่นับจากนั้นเขาก็เลิกดื่มเหล้า พยายามทำงานแทบทุกอย่าง ทั้งเลี้ยงผึ้ง
เก็บน้ำผึ้งขาย รับจ้างตัดหญ้า เพื่อเก็บเงินส่งไปให้ลูกชาย

          “แต่เขาไม่ยอมรับมัน พ่อไม่กล้าจะไปตามหาเขา พ่อรู้ตัวว่าพ่อสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียวไปแล้ว” ชายชรากล่าว

         
โดยเงินเหล่านี้ เดิมพ่อสามีตั้งใจจะเก็บไว้ให้ลูกชายกับสะใภ้ซื้อบ้าน
หรือนำไปดูแลหลาน ๆ แต่หลังจากสามีของหลินซินเสียชีวิต
เขาก็ตั้งใจจะใช้เงินนี้สร้างหลุมศพใหญ่ ๆ แทน อย่างไรก็ตาม
เมื่อเห็นสะใภ้เดินทางมาหาเขาจึงอยากมอบเงินก้อนนี้ไว้ให้เธอ

          “พ่อทำผิดไปครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้พ่อแค่อยากจะสนิทกับสะใภ้และหลาน ๆ ตราบเท่าที่พ่อยังมีชีวิต ก็ยังสามารถแก้ไขความผิดได้”

         
สิ่งที่ได้ฟังทำให้หลินซินสะเทือนใจมาก
เธอยังจำได้ถึงช่วงเวลาแสนลำบากที่เธอกับสามีต้องดิ้นรนหาเงินมาจ่ายค่าบ้าน
ลูก ๆ ก็ต้องหยุดเรียนพิเศษเพราะไม่มีเงินพอ
แน่นอนว่าหากมีเงินก้อนนี้คงจะทำให้ชีวิตของพวกเธอง่ายขึ้น
แต่เหนือสิ่งอื่นใด เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของผู้เป็นพ่อ
ที่ยังเฝ้ามองดูครอบครัวของเธอจากที่ไกล ๆ

          แม้ว่าสามีของเธออาจยังไม่พร้อมที่จะให้อภัย
แต่เธอคิดว่าลูก ๆ ควรมีโอกาสได้ทำความเข้าใจและรักปู่ของเขา
ดังนั้นเธอเลยตัดสินใจพาพ่อสามีกลับมาอยู่ด้วยกันที่เซี่ยงไฮ้
ซึ่งนับจากนั้น พ่อสามีก็ได้กลายมาเป็นที่พึ่งพาของหลาน ๆ
เขามักจะตื่นมาต้มโจ๊กแต่เช้า พาหลานไปส่งที่โรงเรียน
และยังไปเล่นโยคะที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ บ้าน

         
เมื่อใดก็ตามที่เธอกลับบ้านดึก พ่อสามีก็จะเตรียมมื้อดึกไว้ให้
และอยู่รอกันจนพร้อมหน้าทั้งบ้านแล้วจึงกินข้าวด้วยกัน
นับเป็นความอบอุ่นที่อยู่ในใจของคนทั้งครอบครัว

ขอบคุณข้อมูลจาก SOHA