หญิงเข่าทรุด ฝากเงิน 265 ล้าน แค่ครึ่ง ชม. เงินหาย ไม่มีในบัญชี ธนาคารยันไม่เกี่ยวข้อง ก่อนสืบรู้ความจริง เศร้าสูญเสียเงินก้อนที่เก็บมากว่า 20 ปี

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 30 เมษายน 2568 เว็บไซต์ SOHA รายงานกรณีของหญิงจากเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ที่เชื่อว่าการฝากเงินในธนาคารคือการลงทุนที่ปลอดภัยที่สุด จึงตัดสินใจนำเงินกว่า 58 ล้านหยวน (ราว 265 ล้านบาท) ซึ่งเป็นเงินที่เก็บทั้งชีวิต ไปทำเรื่องฝากที่ธนาคารท้องถิ่น แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อเช็กดูยอดเงินในอีก 30 นาทีต่อมา กลับไม่มีเงินก้อนนั้น และเมื่อเธอกลับไปขอคำชี้แจงจากทางธนาคาร กลับได้คำตอบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของธนาคาร แต่เธอความผิดพลาดของเธอเอง
รายงานจาก sina เผยว่า นางเอ (นามสมมติ) อายุ 50 กว่าปี เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในท้องถิ่น เธอทำงานหนักมานานกว่า 20 ปี เพื่อเก็บเงินก้อนใหญ่และหวังจะนำเงินที่มีไปต่อยอด อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุขนาดนี้ เธอไม่อยากที่จะลงทุนในรูปแบบที่มีความเสี่ยง จึงตัดสินใจจะฝากเงินไว้กับธนาคารที่มีดอกเบี้ยมั่นคง
ระหว่างหาข้อมูล เพื่อนคนหนึ่งได้แนะนำนางเอให้รู้จักกับบุคคลที่อ้างตัวเป็นผู้จัดการสาขา ของธนาคารใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ โดยบุคคลนี้สัญญาจะช่วยให้นางเอได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าทั่วไปมาก ๆ พร้อมเสนอผลประโยชน์พิเศษ เช่น เงื่อนไขการถอนเงินที่ยืดหยุ่น และฟรีค่าบริการ
ด้วยความไว้ใจเพื่อน และเชื่อมั่นในลักษณะที่ดูเป็นมืออาชีพของผู้จัดการรายนี้ นางเอตกลงจะไปทำธุรกรรมที่สาขาของธนาคาร โดยภายใต้คำแนะนำและการดำเนินการของบุคคลดังกล่าว นางเอทำเรื่องฝากเงิน 58 ล้านหยวน ไปยังบัญชีที่อ้างว่าเป็น “บัญชีพิเศษภายใน” จากนั้นก็เซ็นเอกสาร กระทั่งได้รับสมุดบัญชีเงินฝากมา
อย่างไรก็ตาม หลังออกจากธนาคารมา 30 นาที นางเอเปิดแอปฯ ธนาคารเพื่อเช็กยอดเงินอีกครั้ง แต่กลับไม่มีเงินในบัญชี ด้วยความสับสน เธอรีบกลับไปยังสาขาธนาคารเพื่อขอคำชี้แจง แต่กลับได้คำตอบว่า ไม่มีเงินถูกฝากเข้ามาภายใต้ชื่อของเธอ
เมื่อเรื่องถึงตำรวจจนมีการสอบสวน พบว่ามิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นผู้จัดการธนาคาร แท้จริงแล้วเป็นพนักงานที่ถูกไล่ออกไปเมื่อหลายเดือนก่อน แต่ยังแอบอ้างตัวเป็นคนของธนาคารเพื่อกระทำการฉ้อโกง โดยเอกสารที่นางเอเซ็นและได้รับมานั้นล้วนเป็นของปลอม ส่วนเงินก้อนของเธอ เมื่อถูกฝากเข้าไปในบัญชีที่คนร้ายแอบอ้าง ก็ถูกโอนไปยังบัญชีอื่น และถูกถอนเงินออกไปอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพื้นที่ของธนาคาร นางเอกับคนอื่น ๆ จึงหลงเชื่อ และเพราะคนร้ายเคยทำงานที่ธนาคารสาขานี้ ทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและพนักงานธนาคารคนอื่น ๆ จึงคุ้นเคยกับเขา ไม่มีใครเอะใจว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ทั้งนี้ เมื่อคนร้ายถูกจับ
ได้รับสารภาพว่าก่อเหตุหลอกลวงเหยื่อที่เชื่อคนง่าย
เนื่องจากตัวเองมีปัญหาหนี้สิน
แต่เมื่อนางเอเรียกร้องขอให้ธนาคารชดเชยเงินจำนวนนั้น
กลับถูกทางธนาคารปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าเธอเป็นคนนำเงินเข้าบัญชีนั้นเอง
ไม่ใช่ธนาคารเป็นคนดำเนินการ
อีกทั้งการฝากเงินของเธอก็ไม่ได้ทำผ่านระบบอย่างเป็นทางการของธนาคาร
ธนาคารจึงไม่มีส่วนรับผิดชอบด้วย
แม้นางเอจะพยายามโต้แย้งว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นภายในพื้นที่ของธนาคาร
และคนร้ายยังแอบอ้างเป็นคนของธนาคาร แต่ศาลท้องถิ่นกลับตัดสินว่า
ลูกค้าต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการยืนยันตัวตนของพนักงานธนาคาร
ตลอดจนรับผิดชอบในการทำธุรกรรมของตัวเอง
และเนื่องจากเงินจำนวนนี้ไม่ได้ถูกลูกค้านำเข้าสู่ระบบของธนาคารอย่างเป็นทางการ
ธนาคารจึงไม่ต้องรับผิดชอบในการสูญเสียนี้
“ภายใน 30 นาที ผลจากหยาดเหงื่อและน้ำตาตลอด 20 ปีของฉันกลับหายไป
ถ้าฉันระมัดระวังกว่านี้และตรวจสอบทุก ๆ รายละเอียดอย่างรอบคอบ
ก็คงไม่ต้องเจอกับสถานการณ์นี้”
เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจแก่ชาวเน็ตที่ทราบข่าวอย่างมาก
ขณะที่ทางการก็ออกมาเตือนประชาชน
ให้ขอดูบัตรพนักงานจากบุคคลที่กล่าวอ้างว่าเป็นพนักงานธนาคาร
และยืนยันโดยตรงกับเคาน์เตอร์ทางการ
รวมถึงให้ทำธุรกรรมในบริเวณที่กำหนดไว้เท่านั้น ผ่านระบบของธนาคาร
ซึ่งเมื่อทำธุรกรรมใด ๆ เสร็จ ให้ตรวจสอบยอดในบัญชีทันที
เพื่อให้มั่นใจว่าเงินเข้าระบบธนาคารแล้ว
และสิ่งสำคัญคืออย่าไว้วางใจบุคคลที่อ้างตัวเป็นพนักงานธนาคาร
โดยไม่ตรวจสอบยืนยันให้ชัดเจน
ขอบคุณข้อมูลจาก SOHA