KUBET – สหรัฐฯ สั่งปิดแล็บวิจัยเชื้อโรคร้ายแรง ปูดเหตุ นักวิจัยคู่รักทะเลาะหนัก เจาะชุดป้องกันเชื้อ

 
            สั่งปิดศูนย์วิจัยเชื้อโรคร้ายแรงในสหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่เผยเหตุ นักวิจัยคู่รักทะเลาะหนัก แอบเจาะชุดป้องกันเชื้อ



สั่งปิดแล็บด่วน นักวิจัยทะเลาะหนัก
ภาพจาก NIAID IRF-Frederick (บุคคลในภาพไม่เกี่ยวข้องกับข่าว)
             วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์ Daily Mail รายงานว่า ศูนย์วิจัยบูรณาการ
(Integrated Research Facility) ห้องปฏิบัติการของรัฐบาลสหรัฐฯ
ที่ใช้ศึกษาเกี่ยวกับเชื้อโรคร้ายแรง
ถูกสั่งปิดกรณีฉุกเฉินด้วยเหตุผลเรื่องความกังวลด้านความปลอดภัย
หลังจากมีข่าวเผยแพร่ กรณีนักวิจัย 2 ราย ซึ่งเป็นคู่รักกัน
เกิดทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนถึงขั้นมีการเจาะชุดป้องกันเชื้อโรค

             รายงานระบุว่า
แล็บแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองเฟรเดอริก ในรัฐแมริแลนด์ โดยเมื่อวันที่ 29
เมษายน ที่ผ่านมา ทางกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา
(HHS) มีคำสั่งให้ปิดดำเนินการเป็นการชั่วคราว โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00
น. และมีผลต่อเนื่องจนกว่าจะมีการยืนยันเรื่องความปลอดภัย

             แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่
HHS รายหนึ่ง (ไม่เปิดเผยชื่อ) เผยกับรายงานของ Fox News ระบุว่า
การปิดศูนย์วิจัยดังกล่าวเกี่ยวกับกรณีทะเลาะวิวาทของนักวิจัยคู่หนึ่งที่มีสัมพันธ์แบบคนรัก
โดยนักวิจัยรายหนึ่งได้เจาะรูที่ชุดอุปกรณ์ป้องกันเชื้อของอีกฝ่าย
ในระหว่างที่เลาะกันอย่างหนัก ทั้งนี้ ดร.คอนนี ชมัลจอห์น
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแห่งนี้ ก็ถูกสั่งพักงานด้วยเช่นเดียวกัน
หลังถูกกล่าวหาว่าไม่รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เจ้าหน้าที่รายอื่นทราบ


             อย่างไรก็ตาม
ภายหลังจากเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไป ทางกระทรวงสาธารณสุขฯ
จึงได้ประกาศสั่งปิดศูนย์วิจัยดังกล่าว
เพื่อดำเนินการสอบสวนทั้งสถานที่และเจ้าหน้าที่ภายใน
ส่วนเชื้อไวรัสในศูนย์วิจัยถูกปิดล็อกด้วยกุญแจ โดยระหว่างนี้
การปฏิบัติการทั้งหมดจะหยุดดำเนินการ จะไม่มีการทำการวิจัยใด ๆ
เป็นการชั่วคราว
และจำกัดการเข้าถึงพื้นที่ให้เฉพาะบุคลากรที่จำเป็นเท่านั้น
เพื่อรักษาความปลอดภัยของสถานที่และทรัพยากร

             แล็บแห่งนี้บริหารจัดการโดยสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ
(NIAID) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH)
เป็นหนึ่งในห้องปฏิบัติการระดับความปลอดภัยทางชีวภาพ 4 (BSL-4)
ซึ่งมีอยู่เพียงประมาณ 12 แห่งในสหรัฐฯ
เป็นห้องปฏิบัติการที่มีความเสี่ยงสูง
โดยได้รับอนุญาตให้ทำงานกับเชื้อก่อโรคที่อันตรายและร้ายแรงที่สุดที่มนุษย์รู้จัก
ซึ่งรวมถึง อีโบลา ไวรัสโคโรนา และไวรัสลัสซา
เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการต้องสวมชุดป้องกันส่วนบุคคลแบบเต็มตัว

             ที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้มีบุคลากรประมาณ
168 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและพนักงานสัญญาจ้าง
โดยทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเรื่องการหยุดดำเนินงานผ่านทางอีเมลที่ส่งโดย
ไมเคิล โฮลบรูค รองผู้อำนวยการฝ่ายการกักกันระดับสูงของศูนย์วิจัย  

             แอนดรูว์
นิกสัน โฆษกของ HHS กล่าวว่า “NIH และ HHS
ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของแล็บและการวิจัยของเราเป็นอย่างยิ่ง
ทันทีที่เราพบเหตุการณ์นี้
เราจะดำเนินการและหยุดปฏิบัติการทันทีเพื่อความปลอดภัย
จนกว่าเราจะสามารถแก้ไขวัฒนธรรมด้านความปลอดภัยในสถานที่นี้ได้”  

ขอบคุณข้อมูลจาก Daily Mail  Fox News

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *