บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 กลุ่มไหนต้องลงทะเบียนรอบใหม่ คุณสมบัติมีอะไรบ้าง รับเงินช่วยเหลือเท่าไหร่ กลุ่มเก่าจะได้เงินต่อไหม เช็กเลย
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ความคืบหน้าโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รอบใหม่ ปี 2568 กำลังเป็นที่จับตามองของประชาชนทั่วประเทศ ล่าสุด นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการ โดยเตรียมที่จะประกาศรายละเอียดการลงทะเบียนให้ประชาชนได้รับทราบในเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ได้เห็นชอบและสรุปเกณฑ์คุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับสวัสดิการแห่งรัฐชุดใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้ว่ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างผู้พัฒนาระบบการลงทะเบียนอาจมีความล่าช้าไปบ้าง แต่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้ยืนยันว่า ไม่มีผลกระทบต่อการจ่ายเงินให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิอยู่ในปัจจุบันอย่างแน่นอน ผู้ถือบัตรรายเดิมยังคงได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลได้เตรียมงบประมาณเพียงพอสำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือไปจนถึงเดือนตุลาคม 2568
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมบัญชีกลาง
คุณสมบัติ ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่
– ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
– มีรายได้คนละไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ภายในครอบครัว
– มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี
– ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก พันธบัตร ตราสารหนี้ต่างๆ
ต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนครอบครัวไม่เกิน – 100,000
บาทต่อคนต่อปีเช่นเดียวกัน
– ต้องไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือที่ดิน เกินจากเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด
– ต้องไม่มีบัตรเครดิต
– ต้องไม่มีวงเงินกู้บ้านตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป
– ต้องไม่มีวงเงินกู้ซื้อรถไม่เกิน 1 ล้านบาทขึ้นไป
– ต้องไม่เป็นภิกษุ สามเณร ผู้ต้องขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์
ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญ
ข้าราชการการเมือง รวมถึง สส.และ สว.
กลุ่มไหนต้องลงทะเบียนใหม่บ้าง
– คนกลุ่มเดิม คือ ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน
ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ กระทรวงการคลังจะนำรายชื่อไปคัดกรองอัตโนมัติ
– คนกลุ่มใหม่ คือ คนที่ไม่เคยได้รับสิทธิมาก่อน
โดยมาจากประชาชนที่เพิ่งอายุครบ 18 ปี
คาดว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” สำหรับผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิมาก่อน และเข้าเกณฑ์คุณสมบัติ
รวมถึงกลุ่มตกหล่นที่ลงทะเบียนในปี 2565 แล้วยังไม่มีการยืนยันตัวตน
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้จ่ายอะไรบ้าง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมบัญชีกลาง
ทุกวันที่ 1 ของเดือน (เป็นวงเงินสิทธิไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)
– วงเงินซื้อสินค้า 300 บาทต่อเดือน
– วงเงินส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 80 บาท ต่อคนต่อ 3 เดือน
– วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน
– มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
ทุกวันที่ 20 ของเดือน
– เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน
สำหรับผู้มีสิทธิที่เป็นคนพิการ
ซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือน
(โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน
จำนวน 13 หลัก
ของผู้มีสิทธิหรือบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิหรือผู้รับมอบอำนาจที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ
800 บาท)
ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 รอบใหม่ ผ่านช่องทางใด
สำหรับการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ปี 2568 สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” สำหรับผู้ที่เคยมีบัญชีแอปฯ
ทางรัฐ หรือลบแอปพลิเคชันไปก่อนหน้านี้ สามารถ สมัครสมาชิก และยืนยันตัวตน
(KYC) บนแอปฯ ทางรัฐ อีกครั้ง
เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568
และตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน Digital Wallet ได้อีกด้วย
ขั้นตอนสมัครใช้งานแอปพลิเคชันทางรัฐ
1. ดาวน์โหลดแอปฯ ทางรัฐ
3. กดปุ่ม “สมัครด้วยบัตรประชาชน”
4. อ่านข้อกำหนดและความเป็นส่วนตัว จากนั้นกด ที่ “ฉันยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข” แล้วกด “ยอมรับ”
5. อ่านข้อแนะนำในการถ่ายรูปบัตรประชาชน จากนั้น กดปุ่มเพื่อถ่ายรูป
6. กรอกข้อมูลของท่านและตรวจสอบให้ถูกต้องตามบัตรประชาชน แล้วกดปุ่ม “ยืนยันตัวตน”
7. อ่านข้อแนะนำในการสแกนใบหน้าจากนั้นเริ่ม สแกนใบหน้าของท่าน
8. กำหนด ชื่อบัญชีผู้ใช้ และ รหัสผ่าน ในการเข้าสู่แอปฯ แล้วกด ยืนยัน
9. ตั้งค่า PIN Code 6 หลัก แล้วกดยืนยัน PIN Code อีกครั้ง โดยต้องเป็นเลขตัวเดียวกับการกดครั้งแรก
10. เปิดใช้งานการสแกนใบหน้าของท่าน โดยกดที่ใช้งาน
11. จากนั้นกด “เริ่มใช้งาน” ได้เลย
12. ระบบจะพาท่านกลับมาที่หน้าหลักให้กดที่หมวดหมู่ “สวัสดิการแห่งรัฐ”
13. เลือกที่บริการ ลงทะเบียนขอรับสิทธิโครงการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่
14. อ่านรายละเอียดบริการจากนั้นกดปุ่มอนุญาต
แล้วเตรียมพร้อมรอติดตามประกาศวัน
กดยืนยันขอรับสิทธิจากรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลจาก เว็บไซต์กระทรวงการคลัง